แม้การเลือกตั้งครั้งที่ 27 วันที่ 14 พ.ค.66ได้ผ่านพ้นกันไปแล้ว โดยประชาชนเดินทางออกมาใช้สิทธิ์ ลงคะแนนเสียง จากพลังบริสุทธิ์กันมากมาย และมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 39,293,867 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52,238,594 คน คิดเป็นร้อยละ 75.22 จึงเกิดกระเเสปรากฎการณ์ “ก้าวไกล ฟรีเวอร์”ตามมา ซึ่งก็เป็นไปตามคาด พรรคก้าวไกล ได้ชัยชนะ ในการเลือกตั้ง เหนือคู่แข่ง ในหลายจังหวัด กวาดที่นั่งเกือบหมดยกจังหวัด ถล่มถลาย กวาดเก้าอี้ ส.ส.ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง 151 ที่นั่ง

ซึ่งก็ตามมาด้วยข้อกังขา คาใจ กับชาวบ้าน และผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง ที่ยังไม่พอใจ แม้จะเลือกกาก้าวไกล ให้คนรุ่นใหม่ได้บริหารประเทศก็คือ 1 ในนโยบายหลัก ของการผลักดัน “พืช กัญชา”จะนำกลับเข้าสู่ระบบ บัญชีรายชื่อให้เป็นประเภทยาเสพติดอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้า พืชกัญชา ได้พ้นมลทินหลุดออกมา เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านแล้วก็ตาม

นายสุทธิณัฐฯหรือเจมส์ กูรู ตัวพ่อด้านกัญชาจากต่างประเทศ เจ้าของร้านชื่อ go grow cannabis เปิดเผยว่า จริงๆตนก็เลือกกา ก้าวไกลเข้ามานะ แม้ได้ยินหนึ่งในแผนนโยบายหลักจะผลักดัน พืชกัญชา ให้กลับไปเป็นสิ่งผิดกฏหมายอีกครั้งก็ตาม แต่ผมยังมีความเชื่อ และความหวังว่า คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาพัฒนาบริหารประเทศ สามารถจัดระเบียบให้มันถูกต้องและผลักดันให้ความรู้ด้านพืช กัญชา กันได้ “ซึ่งเห็นด้วยในการจัดระเบียบ แต่ไม่เห็นด้วยในการนำกลับไปเข้าระบบ ขึ้นทะเบียนเป็นยาเสพติด เพราะมันไม่ใช่ ยาเสพติดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ก่อนหน้าเคยไปใช้ชีวิตอยู่แคนนาดามากว่า 10ปี ได้ศึกษาเรียนรู้ วิธีการปลูก ผสม แปรรูป การสร้างโรงเรือนเพาะ ทั้งระบบปิด และ ระบบเปิด จากต่างประเทศมาหลายประเทศ และมีความรู้เกี่ยวกับ กัญชา เรียกได้ว่าเป็นกูรูได้คนหนึ่ง ตอนนี้ได้กลับมาทำธุรกิจ เกี่ยวกับร้านอาหาร ร้านขายกัญชา และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา อย่างเต็มตัว พึ่งเปิดร้านนี้มาได้ 5 เดือน ลงทุนทำธุรกิจไปกว่า 5ล้านบาทแล้ว มีใบอนุญาตถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุขหมด ส่วนใหญ่สายพันธุ์ต้นกัญชาที่ดี มาจากประเทศอเมริกา แคนนาดาและโซนยุโรประเทศเนเธอร์แลนด์

วันนี้ยังถือว่าประเทศเราพึ่งเริ่มต้นเริ่มเดินเรียนรู้เองในเรื่อง กัญชา การผลิตเพาะปลูกแยกสายพันธุ์ต่อ 1รอบมันต้องใช้เวลา 1ปีเรายังไม่นิ่งเรื่องสายพันธุ์ เพราะพึ่งเปิดปลดล็อคให้มันถูกกฎหมาย เรากำลังพัฒนาเรียนรู้สายพันธุ์กัน กลับมาถูกบล็อกอีกถือเป็นการปิดโอกาสอย่างมาก แทนที่จะผลักดัน ส่งเสริมให้ความรู้ ดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกไปยังต่างประเทศเลยจะดีกว่า

หนึ่งในประเด็นหลักกระแสของ “กัญชา” ที่ทางสังคมพูดถึงกันอย่างกว้างขวางเป็น Talk of the town(ทอล์คออฟเดอะทาวน์) ที่ร้อนแรงมาคู่ขนานพร้อมกับการจัดตั้งรัฐบาล คงหนีไม่พ้นเรื่องของ กัญชา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดใหม่นี้ด้วย เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายหลัก ของการที่จะนำพืช กัญชา กลับเข้าสู่ระบบบัญชี รายชื่อ ให้เป็นประเภทของยาเสพติดเหมือนเช่นเดิม

จากความคิดส่วนตัวของผมที่คลุกคลีมีความชำนาญด้านกัญชามานาน หากมองในมุมมองสากลของโลก จริงๆมีหลายประเทศมากที่เขาทำกัน ทำให้ถูกต้องและจัดระเบียบกันได้ ซึ่งวันนี้มันเกิดสูญญากาศ ทางการเมืองอยู่เลยเกิดปัญหาต่างๆเยอะมาก มีข้อแนะนำฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ ให้ออกกฎข้อบังคับ จัดระเบียบเข้ามากันก่อน ทดลองสร้างระเบียบร่วมกัน สุดท้ายมันจะควบคุมให้เป็นระบบ และ มีมาตราฐานเป็นระเบียบร่วมกันได้ อย่างที่บอก ผมมีความตั้งใจเปิดร้านทำธุรกิจด้าน กัญชานี้ขึ้นมา ก็ต้องอยากทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ทุกขั้นตอนในระบบอยู่แล้ว ไม่อยากเป็นเหยื่อกับนโยบายที่ผิดพลาด ควรหันกลับมาทบทวนหาข้อดี ข้อเสีย มานั้งคุยกับผู้ประกอบการและชาวบ้านดู มาหาทางออกใหม่ร่วมกัน อย่าพึ่งดึงพืช กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมเลย กัญชา วีธีใช้ที่ปลอดภัยสุดคือการสูบ ไม่ใช่การนำไปกิน การกินเป็นอะไรที่อันตรายมาก เพราะใช้เวลาในการออกฤทธิ์ค่อนข้างนานและเสี่ยง การใช้สูบ 5-10นาที ออกฤทธิ์เลย ร่างกายจะเป็นตัวบอกผลแสดงออกให้พอเอง แต่การกินกว่าจะออกฤทธิ์ เป็นชั่วโมง คนส่วนใหญ่ที่จะโอเวอร์โดส(overdose )(คือการใช้เกินขีดจำกัดของร่างกาย) มาจากการกิน เพราะไม่รู้ว่าร่างกายพอหรือยัง ก็จะกินเข้าไปเรื่อยๆพอถึงเวลามันออกฤทธิ์มา จึงเกิดโอเวอร์โดส(overdose)มากเกินไป อย่างบางประเทศ เขาจะระบุผลิตภัณฑ์ปริมาณสาร กัญชา เอาไว้เลยอย่างชัดเจน มีระดับความแรงอยู่ที่ 1 ถึง 5ดาว เข้าใจกัน แค่เราออกกฎหมายจัดระเบียบ ควบคุมให้ชัดเจน ว่าใครใช้ได้ ใครขายได้ ใครใช้ได้แค่ไหน แม้จะใช้สันทนาการ ผมมองว่ามันก็คือการรักษาด้วย

ปัญหาหลักเรื่องของ กัญชา จริงๆแล้วมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ผู้ประกอบการหรือร้านขาย เพราะเขาถูกควบคุมโดยหน่วยงานรัฐอยู่แล้ว ส่วนปัญหาทางสังคมจริงๆคือ เด็กและเยาวชน เข้าถึงกัญชาได้ง่าย พอมันถูกดึงนำออกจากประเภทบัญชีของยาเสพติดแล้ว กลายเป็นว่าทุกคนสามารถครอบครองได้ จะเกิดมุมไหนส่วนไหน ขึ้นมาก็ได้ของประเทศ นี้คือจุดที่ต้องโฟกัสควบคุมเข้มให้ถูกจุดกันมากกว่า

ประเทศไทยก็มีรายได้หลักส่วนหนึ่งเข้ามาจากการท่องเที่ยว และขึ้นชื่อเป็นประเทศของการเกษตร เมื่อเราได้คนรุ่นใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมคนรุ่นใหม่มองเห็นโลก มองเห็นนวัตกรรมอะไรใหม่ๆก็ดี คิดว่าน่าจะมีทางออกร่วมกันที่ดีทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ และเกษตรกรด้วย เราสามารถผลักดันพืช กัญชา ให้เป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกได้เป็นอย่างดี คนไทยเป็นคนเก่ง มีความสามารถด้านการเกษตรสามารถพัฒนาสายพันธุ์ต่อยอด ช่อ ดอก สู้ตลาดโลกของต่างประเทศได้อยู่แล้ว แต่เราโดนปิดกั้นเรื่องข้อกฎหมายมานานจึงทำอะไรมากไม่ได้

วันนี้หากพืช กัญชา จะกลับเข้าระบบเป็นประเภทของยาเสพติดอีกครั้ง ก็จะมีคำถามมากมายกลับมา ใครจะได้ประโยชน์ ใครเสียผลประโยชน์กัน อันที่จริงพืช กัญชา ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยหายากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมายมันหาได้ง่ายมาตลอด ซึ่งการที่หยิบเอามันขึ้นมาให้ถูกกฎหมาย ผมมองว่ามันสามารถจัดระเบียบ ควบคุม ออกข้อบังคับทำได้อย่างถูกกฏหมาย ดีกว่าให้มันผิดกฎหมายหมดทุกด้าน

อยากได้ความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งเรื่องของกฎหมายและการควบคุมให้เข้มถูกจุด จัดระเบียบให้ดี ซึ่งพื้นฐานของกฎหมายที่มีอยู่แล้ว มันก็ดีอยู่แล้ว แค่ออกกฎให้เพิ่มความเข้มขึ้น การครอบครอง ปริมาณ และการใช้ ต้องให้ความรู้มากขึ้น เราสามารถจัดระเบียบได้ การใช้กัญชา ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งด้วย ซึ่งต้องใช้ปริมาณขนาด ให้ถูกของแต่ละช่วงวัยตามความเหมาะสม

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี