จากกรณี พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางบัวทอง ร่วมกันจับกุมตัวนายมานัส ลอมาและ อายุ 38 ปี ที่อยู่ 27/2 ม.9 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว ทะเบียน ทฬ 2219 กทม. ของนายสุวัฒน์ ลามพัฒน์ อายุ 51 ปี เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 เวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุบริเวณใกล้เคียงซ.วากัฟ 1 ม.12 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี  โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ (ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ) ม.4 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมแจ้งข้อหาใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ เบื้องต้นตรวจสอบประวัติ พบว่าคนร้ายเคยมีประวัติก่อเหตุอาชญากรรมมาก่อนหน้า

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 เวลา 20.00 น. คนร้ายได้โบกรถขึ้นแท็กซี่กับลูกเลี้ยงของแฟนเก่า เป็นเด็กผู้ชาย อายุ 14 ปี ที่บริเวณถ.สรงประภา ดอนเมือง โดยปลายทางให้ไปส่งที่บ้านพักแถวบางบัวทอง จากนั้นผู้เสียหายได้ขับขี่ไปถ.345 กลับรถใต้สะพานคลองลำรี เข้าถ.340 จากนั้นได้มาจอดที่โรงเรียนสุเหร่าแสงประทีบ โดยคนร้ายออกอุบายว่าขอตัวลงไปเอาเงิน ผ่านไปประมาณ 10 นาที คนร้ายก็เดินขึ้นรถตามปกติ ทางผู้เสียหายก็ขับรถต่อไปเพื่อไปส่งลูกค้า ขณะที่ขับมาถึงบริเวณก่อนถึง ซ.วากัฟ 1 ม.12 ต.บางบัวทอง 50 เมตร คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่โดยบอกว่า “จอดรถและลงจากรถไป” แต่ทางลูกเลี้ยงของคนร้ายก็พยายามตะโกนห้ามพ่อเลี้ยงว่า “พ่ออย่าทำ” ทางด้านผู้เสียหายมีสติขับรถยนต์ไปจอดชิดกำแพงเพื่อที่ไม่ให้ประตูฝั่งคนร้ายเปิดแล้วลงจากรถมาทำร้ายร่างกาย ก่อนจะฉวยโอกาสเล่นทีเผลอหยิบมีดบริเวณประตูข้างคนขับตวัดไปที่บริเวณศีรษะของคนร้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนผู้เสียหายรีบลงจากรถแล้วได้วิ่งหลบหนีทันที หลังจากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา ส่วนตัวผู้ต้องหาก็ขับรถไปต่อพร้อมได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ก่อนถูกเจ้าของบริษัทแท็กซี่ตัดระบบดับเครื่องจากระยะไกล ทำให้ผู้ก่อเหตุต้องลงจากรถแล้วหลบหนีไปก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มี.ค. 66 นายสุวัฒน์ ลามพัฒน์ อายุ 51 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ พร้อมด้วยนายณัฐธีร์ นลินวุฒิสิทธิ์ อายุ 47 ปี เจ้าของรถแท็กซี่ ได้เดินทางมาที่สภ.บางบัวทอง เพื่อติดต่อพนักงานสอบสวนเรื่องทำเอกสารนำรถแท็กซี่กลับคืน

นายสุวัฒน์  เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า วันเกิดเหตุตนขับรถมาส่งผู้โดยสารที่ดอนเมือง ขากลับมีลูกค้าซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุได้เรียกแถวดอนเมือง-สรงประภา ให้มาส่งที่บางบัวทอง ก่อนหน้านั้นผู้ก่อเหตุให้ตนจอดรถรอบริเวณที่ห่างจากจุดที่ก่อเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร และลงจากรถโดยอ้างว่าไปเอาเงินหานไปประมาณ 10 นาที พอไปถึงจุดเกิดเหตุผู้ก่อเหตุเอาอาวุธปืนมาจี้แล้วบอกให้ตนลงจากรถไป ตนมีสติเลยขับรถจอดชิดกำแพงเพื่อให้ผู้ก่อเหตุลงจากรถไม่ได้ และหยิบมีดคัตเตอร์ข้างรถตวัดขึ้นไปหาผู้ก่อเหตุไม่รู้โดนจุดไหน จากนั้นจึงรีบหยิบมือถือรีบลงจากรถ ต่อมาผู้ก่อเหตุก็เปลี่ยนมานั่งตรงที่คนขับและก่อนจะขับรถออกไป ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้กลัวรถหายเพราะเชื่อในระบบ GPS ที่ติดมากับรถว่าสามารถตามรถได้  ตอนนี้ตนรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้เร็วจะได้ไม่เป็นภัยต่อสังคม ตั้งแต่ขับรถแท็กซี่มาตนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนความเสียหายรถยนต์มีเสียหายคือบริเวณด้านซ้ายทั้งหมดที่ชนข้างกำแพง และมิเตอร์แท็กซี่ด้านในผู้ก่อเหตุกระชากออกหลุดหายไป คงคิดว่าจะเอาไปขายได้ ภายในรถก็มีรอยรื้อค้นในรถหลายจุด รวมถึงคราบเลือดที่ยังติดเต็มเบาะรถทั่วทั้งคัน

นายณัฐธีร์ กล่าวว่า แท็กซี่โชเฟอร์โทรมาแจ้งเหตุกับตน ตนเลยประสานต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและโทร เข้าศูนย์วิทยุสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ โชคดีที่รถคันนี้มีระบบใหม่ที่ขนส่งจัดให้เป็นมิเตอร์ระบบดิจิทัลเรียกว่า MDT มีทั้งมิเตอร์ค่าโดยสาร GPS กล้องถ่ายรูป เครื่องรูดบัตร และใบเสร็จไว้ในเครื่องเดียวเป็นข้อบังคับที่รถทุกคันต้องมี ระหว่างเกิดเหตุก็ได้โทรประสานงานกันและทางศูนย์วิทยุได้ระบุพิกัดว่ารถอยู่ตรงไหนแล้ว โดยตนได้ประสานงานต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เมื่อรถมีความเร็วไม่เกิน 30 กม. หรือเครื่องเบาลง ตนได้สั่งให้ทางศูนย์วิทยุสั่งดับเครื่องยนต์ รถเลยจอดสนิท คนร้ายจึงขับไปต่อไม่ได้ รวมถึงไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ระบบนี้ถือว่าดีมากๆ ตนอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางบัวทอง อำนวยความสะดวกดีมาก และสามารถจับคนร้ายได้ในวันรุ่งขึ้นในวันที่เกิดเหตุ เบื้องต้นในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางบัวทอง จะนำตัวนายมานัส ลอมาและ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา ขึ้นรถฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต จ.นนทบุรี