เจ้าหน้าที่รังวัดสำนักงานที่ดินจังหวัดลำปาง สาขาเกาะคา จังหวัดลำปาง ได้เข้าตรวจสอบเขตและรังวัดพื้นที่ ตามคำร้องขอรังวัดของศาลจังหวัดลำปาง ที่ ศย 305 010/7586 และ นางสุนันต์ สมศรีพงษ์ จำเลย หลังถูก บริษัท น้ำตาลทิพย์ ฟ้องขับไล่ โดยมีตัวแทนของกระทรวงการคลัง ธนารักษ์ลำปาง และ ตัวแทนของบริษัทฯ ร่วมตรวจสอบและสังเกตุการณ์ด้วยโดยบริษัทฯ อ้างว่าครอบครัวของนางสุนันต์ ได้สร้างบ้านที่พักอาศัยอยู่ก่อนที่บริษัทฯจะเช่าพื้นที่กับธนารักษ์จังหวัดลำปาง เมื่อบริษัทเช่าพื้นที่ ธนารักษ์จังหวัดลำปางไม่สามารถมอบพื้นที่ทั้งหมดให้กับบริษัทฯได้เพราะยังมีบ้านของชาวบ้านบุกรุกพื้นที่สร้างบ้านพักอาศัยไม่มีเลขที่อยู่ บริษัทฯ จึงนำเรื่องฟ้องศาลเนื่องจาก ทำให้บริษัทเสียประโยชน์เพราะถูกรอนสิทธิพร้อมเรียกค่าเสียประโยชน์เป็นเงิน 48,000 บาท

ซึ่งทางครอบครัวของนางสุนันต์ ได้ต่อสู้ว่า ครอบครัวของตนเองและชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง ได้ตั้งรกรากปลูกสร้างบ้านเรือนอาศัยมากว่า50ปี คือก่อนปี 2514  ปรากฎตามรูปแผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องจัดตั้งสุขาภิบาลเกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ประกาศในราชกิจจานุเษกษา เล่ม73 ตอนที่60 ฉบับพิเศษหน้า 71-73วันที่ 3 สิงหาคม 2499 ระบุว่าชัดเจนว่าบริเวณที่ตั้งบ้านของนางสุนันต์(จำเลย)และใกล้เคียงซึ่งเป็นญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน เป็นหมู่บ้านซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ อายุ 73 ปี บอกว่าตนเองอยู่ที่ตั้งแต่เกิดเดิมมีบ้านเรือนชาวบ้านปลูกอยู่ติดแม่น้ำวังตลอดแนว ส่วนที่ตนเองอยู่จะเป็นพื้นที่ของโรงงานน้ำตาลซึ่งครอบครัวตนเองทำงานในโรงงานน้ำตาลมาก่อน ทางโรงงานจึงให้แต่ละคนปลูกบ้านอยู่อาศัย ซึ่งเดิมมีบ้านพักแต่ก็ถูกรื้อไปแล้วแต่ก็ยังมีบ้านที่ปลูกภายหลังหลงเหลือให้เห็นอยู่บางส่วน.

กระทั่งปี พ.ศ. 2514 ทางราชการได้มีการขึ้นทะเบียนบ้านซึ่งบ้านของนางสุนันต์และญาติ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหลังแรกคือบ้านเลขที่ 1 และ บ้านเลขที่ 91 ม.5 ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง และต่อมาได้มีการขอใช้น้ำ ไฟฟ้า ตามระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้อง แต่ด้วยความไม่รู้และไม่เคยได้รับการติดต่อประสานงานจากทางราชการ ให้ไปดำเนินการเรื่องขอเอกสารสิทธิในที่ดินแต่อย่างใด ทางครอบครัวจึงอาศัยอยู่แบบชาวบ้านทั่วไปอย่างสงบและเปิดเผยเรื่อยมาจนถึงรุ่นลูก หลาน และในปัจจุบัน ก็ยังอาศัยอยู่โดยมีทั้งเด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคมทั้งสิ้นและพื้นที่ที่พักอาศัยของครอบครัวก็อยู่นอกเขตรั้วของบริษัทน้ำตาลเกาะคา ปัจจุบันยังคงปรากฎรั้วลวดหนามของโรงงานบริเวณหลังบ้านพักโรงงานปรากฎให้เห็น ปี พ.ศ.2547 ระบุว่า

มีรายชื่อผู้อาศัยอยู่ก่อนที่จะมีการรังวัดพื้นที่ราชพัสดุ กระทั่งในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการรังวัด(ฝ่ายเดียว) โดยครอบครัวและชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวไม่ทราบเรื่องใดๆ เหมารวมพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งบริเวณที่ชาวบ้านสร้างที่พักอาศัยอยู่ก่อนเป็นพื้นที่ราชพัสดุ รวม 226 ไร่ ย้อนดูการเช่าพื้นที่ของบริษัทน้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร จำกัด (บริษัทน้ำตาลเกาะคาเดิม) ประมาณปี พ.ศ.2547-2563 ได้เช่าพื้นที่ราชพัสดุ เริ่มต้น 70 ไร่98.89 ตารางวา มีวัตถุประสงค์เพื่ออยู่อาศัย ระยะเวลาเช่า3ปี (18 มี.ค.2547-17 มี.ค.2550 ต่อมาได้มีการต่อสัญญาอีก6ครั้ง ครั้งสุดท้ายต่อสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2563 เนื้อที่ 63ไร่2งาน 22.25 ตารางวา ต่ออายุสัญญาไปอีก3ปี(1ม.ค.2565-31 ธ.ค.2566) แต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2560 บริษัทฯได้ตกลงทำสัญญาเช่ากับราชพัสดุจากที่เคยเช่าเพื่ออยู่อาศัยเป็นเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เนื้อที่ 79 ไร่ 11.20 ตารางวา มีวัตถุประสงค์เพื่อการอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร ระยะเวลาเช่า1ปี (1 ม.ค.2560-31 ธ.ค.2560) ต่อสัญญามาอีก 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายต่อสัญญาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2563  ต่อสัญญาเช่าออกไปอีก 3 ปี (1 ม.ค.2564-31 ธ.ค.2566) รวม 51 ไร่ 49.20  ตารางวา  (ซึ่งที่ตั้งโรงงานน้ำตาลปัจจุบันได้กลายเป็นที่ตั้งของบริษัทฯน้ำเมารายใหญ่เข้าใช้ประโยชน์) และเมื่อดูตามแผนที่ประกอบสถานที่จริงจะเห็นได้ว่า แนวริมตลิ่งแม่น้ำวังซึ่งรวมถึงบ้านของจำเลยที่ถูกฟ้อง เดิมก่อนมีการที่จะมีการจัดตั้งสุขาภิบาลเกาะคา จะมีบ้านเรือนชาวบ้านที่ครอบครองและอาศัยอยู่ตลอดแนว และเมื่อดูพื้นที่บ้านพักอาศัยของจำเลยผู้ถูกฟ้อง ก็มิได้อยู่ในแนวเขตของสัญญาเช่า แต่บริษัทฯ อ้างสิทธิทั้งหมดของพื้นที่ราชพัสดุ ที่เคยรังวัดฝ่ายเดียวรวม 226 ไร่ ซึ่งบริษัทฯ ไม่ได้เช่า มาฟ้องขับไล่ชาวบ้าน โดยก่อนหน้านั้นชาวบ้านซึ่งถูกบริษัทฯแจ้งให้รื้อบ้านออกไปจากพื้นที่ ยอมรื้อบ้านที่ตนเองอยู่มานานออกไปแล้วหลายหลังด้วยความไม่รู้ข้อกฎหมายและเกรงกลัว.

สำหรับกรณีครอบครัวของนางสุนันต์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ีนี่มาโดยตลอด ไม่มีที่ไป และมีเพียงนางสุนันต์ที่ประกอบอาชีพรับจ้างหาเลี้ยงคนในครอบครัวซึ่งมีเด็ก และผู้สูงอายุที่พิการ จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆรวมถึงสื่อมวลชนเพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว ทั้งนี้นางแสงจันทร์ สมศรีพงษ์ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2459 ปัจจุบัน อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นแม่และเป็นผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และความจำไม่ค่อยดี  บอกเพียงว่าตนเองและครอบครัวตั้งแต่สมัยยายก็อยู่ที่นี่ อยู่มาตั้งแต่เกิด เมื่อมาถูกฟ้องก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไปอยากวิงวอนขอความเป็ฯธรรมให้กับครอบครัวด้วย ล่าสุดศาลจังหวัดลำปางได้มีคำสั่งให้สำนักงานที่ดินจังหวัดลำปาง สาขาเกาะคา เข้าตรวจสอบรังวัดชี้แนวเขต ทั้งสองฝ่าย  คือพื้นที่ที่บริษัทฯ อ้างสิทธิว่าได้เช่าพื้นที่กับราชพัสดุซึ่งระบุว่ามีบ้านของจำเลยบุกรุกอยู่ และ แนวเขตของจำเลยที่มีการโต้แย้งสิทธิว่าอยู่นอกเขตที่บริษัทฯ ได้ทำสัญญาเช่าไว้  โดยให้ทางสำนักงานที่ดินฯ นำส่งข้อมูลรายงานต่อศาลในวันที่ 14 พ.ย. และนัดพร้อมในวันที่ 21 พ.ย. 2565 นี้.

ภาพ-ข่าว อัมรินทร์ วะนะวิเชียร ผู้สื่อข่าวจังหวัดลำปาง