ที่สำนักงานชมรมทนายความ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลัง น.ส.ธนพัชร์ บุดชาดา เจ้าหน้าที่นิติบุคคลบางใหญ่ซิตี้ และลูกบ้านรวมกว่า10คน รวมไปถึงแม่ค้าภายในตลาดบางใหญ่อีกหลายรายและคนงานพม่า รวมผู้เสียหายกว่า 20 รายโดนหลอกให้ร่วมลงทุนสูญเสียเงินนับ2ล้านบาท จึงเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากทนายโป้งหรือ นายเกียรติคุณ ต้นยาง  ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามและดำเนินคดีกับ น.ส. ปุ้ย อายุ 51 ปี สาวใหญ่โปร์ไฟล์ดีที่ชวนลงทุนปล่อยเงินกู้จนทำให้ตนและลูกบ้านอีกหลายคนสูญเงินสร้างความเดือดร้อนก่อนจะหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่นิติบุคลอาคารบางใหญ่ซิตี้ กล่าวว่า น.ส.ปุ้ยได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่บางใหญ่ซิตี้ได้ประมาณ5ปีแล้ว และได้เริ่มชวนตนและลูกบ้านอีกหลายคนไปลงทุนเมื่อประมาณปี 63 โดยบอกว่าตนจะนำเงินไปปล่อยเงินกู้ให้คนอื่นและจะแบ่งดอกเบี้ยให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.ปุ้ยก็ได้ให้กำไรจากดอกเบี้ยมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่องช่วงเดือนสิงหาคม 65 น.ส.ปุ้ยก็ได้ขาดการติดต่อไป จนกระทั่งตนมารู้ความจากลูกบ้านคนอื่นๆที่อยู่ในอาคารดังกล่าวว่าถูก น.ส.ปุ้ยหลอกในลักษณะนี้เหมือนกัน ในขณะเดียวกันก็ได้มีการตั้งวงแชร์ขึ้นมาด้วยก่อนที่จะเปียแชร์และเชิดเงินหนีไปเป็นเงินกว่า 300,000 บาท  ต่อมาได้มีการพูดคุยกับทางลูกบ้านทำให้ทราบว่านอกจากลูกบ้านที่อยู่ในบางใหญ่ซิตี้แล้วยังมีแม่ค้าและลูกจ้างพม่าที่ทำงานอยู่ที่ตลาดบางใหญ่ก็ตกเป็นผู้เสียหายเช่นกัน โดย น.ส.ขวัญ เล่าว่าตนโดนโกงไปเป็นเงินทั้งหมด 85,000 บาท และยังมีสร้อยข้อมือทองคำอีก 2 บาท ที่ตนได้ถอดนำไปจำนำเพื่อนำเงินมาให้ น.ส.ปุ้ย เพื่อนที่เปิดร้านเสริมสวยยังโดนหลอกเงินไปอีก 500,000 บาท เจ้าของร้านซีฟู้ดในตลาดบางใหญ่ก็โดนหลอกเอาเงินไปนับล้านบาท ขนาดภรรยาของ ผกก.สถานีตำรวจแห่งหนึ่งก็ยังโดนหลอกเงินไปกว่า50,000บาท  ขนาดผู้ป่วยติดเตียง น.ส ปุ้ยยังหลอกให้โอนเงินให้อีกนับหมื่นบาท

โดยพฤติกรรมของ น.ส.ปุ้ยจะทำเป็นเข้ามาคุยกับลูกบ้านทุกคนว่าตนมาซื้อห้องที่บางใหญ่ซิตี้ราคาห้าแสนกว่าบาทและเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ รวมไปถึงเป็นเจ้าของร้านอาหารทะเลในตลาดบางใหญ่ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง และมีการพูดจาโน้มน้าวเก่งทำให้คนหลงเชื่อจนหลงกลตกเป็นเหยื่อ ขนาดแก๊งเงินกู้นอกระบบยังหลงเชื่อและถูกหลอกให้ค้ำประกันเงินให้น.ส.ปุ้ยไปอีก50,000  ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.ปุ้ย ได้ให้ผลตอบแทนเสมอมาจนกระทั่งเมื่อเดือน สิงหาคม 65 ได้ขาดการติดต่อไป ลูกบ้านที่เคยร่วมเงินลงทุนไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้รู้ว่าโดนหลอกแล้วแน่ๆ และตนมารู้ที่หลังว่า เงินที่ น.ส.ปุ้ยเอามาจ่ายให้ตนก็เป็นเงินที่หลอกเอามาจากคนอื่นอีกที่  ก็อยากฝากไปถึง น.ส.ปุ้ยว่าตอนนี้ตนเดือดร้อนเป็นอย่างมากเพราะต้องไปกู้หนี้คนอื่นมาเหมือนกัน รถที่เคยจะซื้อก็ต้องยกเลิกไป เงินที่คิดจะเอาไปลงทุนก็ต้องหนุดหมด อยากให้กลับมาคุยกันก่อนว่าจะเอายังไง ตนและลูกบ้านพร้อมพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ย

ทางด้าน ทนายโป้งหรือ นายเกียรติคุณ ต้นยาง  ประธานชมรมทนายความจิตอาสา กล่าวว่า เอกสารหลักฐานที่ตนได้ดูก็น่าจะเป็นเรื่องข้อหาฉ้อโกง เพราะเป็นการที่ปกปิดข้อความจริงแล้วก็เอาข้อความเท็จมากล่าวแล้วก็ทางผู้เสียหายก็หลงเชื่อสูญเสียซึ่งทรัพย์สินเงินทองแล้วก็หลายรายด้วย ตรงนี้ตนจะรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารข้อมูลในการแชทไลน์ทั้งหมดแล้วก็คลิปเสียงด้วย ว่ามีการพูดคุยอะไรยังไงแล้วก็ยังมีเจ้าของร้านอาหารทะเลที่ถูกหลอกเสียเงินเป็นล้านบาท แล้วก็ถูกแอบอ้างร้านด้วยว่าเป็นร้านของ น.ส.ปุ้ย แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ของ น.ส.ปุ้ยเลยและไปทำป้ายร้านเป็นชื่อของน.ส.ปุ้ยแล้วก็พาพวกผู้เสียหายไปดูว่านี่ร้านฉันนะอะไรแบบนี้จนมีการร่วมหุ้นลงทุนกัน พรุ่งนี้จะพาผู้เสียหายทั้งหมด ทั้งตึกบี1แล้วก็ทั้งตลาดบางใหญ่ไปแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ น.ส.ปุ้ย รีบกลับมาพูดคุยกัน ทางผู้เสียหายพร้อมที่จะยอมรับเงื่อนไขถ้ามีการเจรจา อย่าถึงจะให้ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเลย ถึงแม้คดีข้อหานี้เป็นข้อหาที่ยอมความกันได้ก็จริง แต่ว่าคุณก็จะเสียประวัติถ้างั้นยังให้โอกาสอยู่ วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ถ้าเกิดหลักฐานพร้อมแล้วก็คงต้องพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต จ.นนทบุรี