ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี น.ส.รัตนาพร อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย น.ส.นงลักษณ์ อายุ 38 ปี ผู้เป็นน้า นำหลักฐานเอกสารต่างๆรวมทั้งคลิปวีดีโอ เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ ในคดีที่น้องชายตนเองกับเพื่อนถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตำรวจกับทำคดีแบบพิลึกกึกกือ ด้วยการตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายทั้งสองฝ่าย ทั้งๆที่ฝ่ายน้องชายตนเองกับเพื่อนไม่ได้มีอาวุธอะไรเลย มีเพียงแค่ที่ตัดเล็บ ที่พกติดตัวอยู่กับพวงกุญแจรถ และจิ้มไปถูกฝ่ายคู่กรณีเป็นแผลแค่ 2 จุด ส่วนคู่กรณีมีทั้งมีสปาต้าและขวานที่ใช้ในการทำร้ายน้องใช้ของตนเองกับเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

น.ส.รัตนาพร เล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 67 ช่วงเวลา 20.00 น โดยเหตุเกิดภายในหมู่บ้าน ไอซ์แลนด์ ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา น้องชายของตนเอง อายุ 15 ปี กับ นายเอ อายุเท่ากัน ได้ถูกนายซี กับนายดี ซึ่งเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านทั้งสองคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องชายของตนเอง ใช้อาวุธทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยคืนเกิดเหตุระหว่างที่น้องชายกับเพื่อน ขี่ จยย.ออกมาถึงปากทางหน้าหมู่บ้านและถูกนายซีกับนายดี วัยรุ่นหมู่บ้านเดียวกันขี่ประกบเข้ามาหา พร้อมทั้งพูดว่า “พวกมึงชอบมองหน้ากูมีอะไรกับกูหรือเปล่า” น้องชายของตนจึงพูดสวนไปว่าไม่เคยมีปัญหาและไม่เคยมองหน้าอย่างที่เข้าใจเลย ทำให้นายดีกับนายซี ไม่พอใจ โดยนายดี ได้ใช้อาวุธมีดสปาต้า ฟันน้องชายตัวเองกับเพื่อน ส่วนนายดีก็ใช้ขวานจามไปที่ด้านหลังของน้องชายจนน้องชายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าด้านซ้ายจากอาวุธมีด ต้องเย็บถึง 32 เข็ม กลายเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต ส่วนเพื่อนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกมีดฟันที่ข้อมือซ้ายจนเอ็นนิ้วขาด ทั้ง 3 นิ้ว

ส่วน น.ส.นงลักษณ์ ผู้เป็นน้า เล่าเสริมว่า หลังเกิดเหตุพวกเราไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ในคืนเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเอาไว้ให้มีหลักฐานมากกว่านี้ แล้วจะลงบันทึกประจำวันรับแจ้งความให้ ตนกับญาติๆต้องหาคลิป หาหลักฐาน มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเองทุกอย่าง ครั้นพอไปติด ตามถามความคืบหน้าของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับพูดมาว่า “รีบเหรอถ้ารีบก็รีบนัดวันมาเลย เดี๋ยวจะส่งฟ้องศาลทั้งสองฝ่าย “ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเตรียมเงินประกันค่าปรับไว้ด้วยแล้วกัน” ตนกับครอบครัว และหลานที่ได้รับบาดเจ็บ รู้สึกงงกับคดีนี้มาก ฝ่ายเราไม่มีอาวุธอะไรเลยมีเพียงแค่ที่ตัดเล็บอันเดียว แต่เขามีทั้งมีดทั้งขวานทำร้ายหลานตนเองอาการปางตายแบบนี้ กับถูกตั้งข้อหาทั้งสองฝ่าย จึงอยากวิงวอนขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยทำคดีตรงไปตรงมาด้วย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องเดินทางมาร้องเรียนกับทางมูลนิธิเพื่อขอให้ช่วยเหลือ

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 “บุคคลใด แม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ หรือวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ก็ยังต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ตนได้กระทำ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนไม่อาจรู้ผิดชอบชั่วดีอันพึงมีได้ตามวัยหรือสภาพบิดามารดา หรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องร่วมรับผิดในความเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดนั้น เว้นแต่จะแสดงให้ศาลเห็นว่า ตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ในการดูแลซึ่งทำอยู่นั้นแล้ว”ส่วนมาตรา 448 “สิทธิเรียกร้องอันเกิดแต่การละเมิด ให้มีกำหนดอายุความหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ต้องรับผิด หรือไม่ว่าอย่างไร ต้องฟ้องภายในสิบปีนับแต่วันทำละเมิด” ถ้าการละเมิดนั้นมีมูลฐานแห่งความผิดอาญาและอายุความสำหรับฟ้องคดีอาญานานกว่านั้น ให้ใช้ระยะเวลานานกว่าแทน” ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ ทรัพย์ หรือสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเกิดจากการกระทำความผิดของจำเลย ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ ตนเองจะเข้าไปดูแลในส่วนของคดีแพ่ง เพื่อให้ฝ่ายคนเจ็บ ได้รับการชดเชยค่ารักษาพยาบาลตามแต่เหตุอันควร ส่วนคดีอาญา ก็ต้องปล่อยให้ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย แต่อยากให้ พิจารณาให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายคนเจ็บบ้าง ไม่ใช่ให้ไปหาหลักฐานหาคลิปในวันเกิดเหตุมาเองแบบนี้ เรื่องที่น่าแปลกใจคือ บาดแผลที่คู่กรณีโดน ก็โดนมาจากที่ตัดเล็บไม่ใช่เหล็กขูดชาร์ปอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับฝ่ายคนเจ็บ
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี