วันที่ 2 พ.ค. 67 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พาน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว เข้าแจ้งความที่สภ.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังทำศัลยกรรมตัดถุงใต้ตากับหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นหมอรักษาทั่วไปไม่ได้จบด้านศัลยกรรมมาโดยตรง ทำให้ศัลยกรรมผิดพลาดใต้ตาเกิดอาการบวมและติดเชื้อเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ตอนนี้กลายเป็นโรคซึมเศร้า ต้องรักษาและทานยาทุกวัน คิดฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเคยเป็นเจ้าของแบรนด์ครีม จึงไม่สามารถออกไปทำงานปกติได้ และขายสินค้าหรือโฆษณาของตัวเองได้ หลังจากเกิดเหตุคุณหมอไม่มีการเยียวยาใดๆ และไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงอยากให้กัน จอมพลัง ช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสถานประกอบการของคุณหมอและตัวคุณหมอให้มารับผิดชอบ

กัน จอมพลัง กล่าวว่า ผู้เสียหายได้ไปผ่าตัดถุงใต้ตากับคุณหมอท่านหนึ่ง หลังจากผ่าตัดเสร็จใต้ตากลับบวมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในภาพที่เห็นคือบวมน่ากลัวมาก คุณหมอได้ตามดูอาการ ขอโทษ ปลอบใจ และบอกจะแก้ไขให้ มีคำพูดหนึ่งที่คุณหมอพูดซึ่งตนตกใจมากคือบอกว่า “คิดว่าตาบอดแล้วนะเนี่ย” ซึ่งผู้เสียหายไม่กล้ากลับไปทำ และได้ไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่ ตอนนี้อยากให้คุณหมอออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้ผู้เสียหายขอใช้สิทธิ์มาที่สภ.ปากเกร็ด เพื่อดำเนินการในส่วนของการแจ้งความและตนจะประสานไปยังส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ให้เข้าตรวจสอบกับทางคลินิกว่าอุปกรณ์ที่ใช้หรือสถานที่เหมาะสมกับการรักษาพยาบาลหรือไม่ เหมาะกับการทำหัตถกรรมหรือไม่ อย่างที่น้องผู้เสียหายเป็นในตอนนี้คือน่าสงสารมาก และเป็นทั้งสองข้างเลย น้องผู้เสียหายได้รับผลกระทบจากการรักษาคือเป็นโรคซึมเศร้า จากที่เคยใช้ใบหน้าทำสัมมาอาชีพได้ ทำธุรกิจได้ ตอนนี้ไม่ได้เลย ตนอยากฝากถึงคุณหมอว่าหากตอนนี้ดูอยู่ให้หาจุดลงตัวกัน ให้นึกถึงใจเขาใจเรา ว่าหากเราไปรักษากับสถานที่หนึ่งแล้วเกือบตาบอด มันห้อยลงมา ท่านยังกล้าไปรักษากับหมอคนเดิมหรือไม่ ความไว้ใจน่าจะไปกันลำบาก อยากให้มาหาจุดลงตัวให้น้องผู้เสียหายไปต่อได้ ตนทำเคสศัลยกรรมค่อนข้างเยอะ หากคุณหมอทำผิดพลาดต้องรับผิดชอบ พอรับผิดชอบแล้วท่านก็ไปต่อได้ แต่หากไม่รับผิดชอบท่านก็อาจจะไม่ได้ไปต่อแทน ทางคุณหมอได้มีการติดตามผลแต่เมื่อผู้เสียหายไม่สบายใจและไปปรึกษากับทางโรงพยาบาลใหญ่กลับมีการรักษาที่ไม่เหมือนกัน ผู้เสียหายเลยไม่มั่นใจที่จะกลับไปรักษาที่เดิม แต่อยากให้คุณหมอมาเข้ามาพูดคุยเยียวยาและวางแผนการรักษาในขั้นตอนต่อไป ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดใต้ตา ประมาณ 40,000 กว่าบาท แต่ค่ารักษาหลังจากที่ผู้เสียหายได้รับเอฟเฟคน่าจะอยู่ราวๆแสนกว่าบาท

น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนอยากรักษาและแก้ไขใต้ตาที่บวมออกมาให้มันเรียบสวยปกติ ตนไม่อยากมีหน้าที่มีถุงใต้ตาปูดๆ จึงตัดสินใจหาที่รักษา จนมาเจอคุณหมอท่านนี้ พอรักษาผ่าตัดเสร็จมันบวมหลังผ่าทันที คืนแรกปวดมากๆ และได้ติดต่อคลีนิคไปเพื่อปรึกษาว่าสามารถกินยาแก้ปวดชนิดแรงได้มั้ย เพราะตนปวดจนนอนไม่ได้ เขาแนะนำให้กินยาแก้ปวดที่ทางคลินิกให้มา แต่มันไม่ได้หายปวด ตนก็ทนไปเรื่อยๆและส่งรูปให้ทางคลีนิคดูทุกวัน เขาก็แนะนำว่ามันจะยุบลงเรื่อยๆและให้กินยาตามที่สั่งทุกวัน พอครบ 1 สัปดาห์ ได้ไปติดตามผลกับคุณหมอและตัดไหม แต่มันบวมมากๆคุณหมอเลยบอกให้ผ่าตัดเอาเข็มดูดเลือดที่คลั่งออก ซึ่งมันเจ็บมาก และเปลี่ยนแผนการรักษา จากที่บอกว่าเดี๋ยวก็หาย แต่กลับให้ยาฆ่าเชื้อตนมา 3 ตัว ตนพยายามบอกหมอว่าเป็นเยอะ แต่หมอก็บอกว่าจะดีขึ้นและให้ยาเพิ่ม หลังจากนั้นมีการเข้าไปติดตามผลการผ่าตัดอีกกลายเป็นว่าต้องผ่าตัดเอาเลือดออกอีกครั้ง ซึ่งเท่ากับผ่าตัดครั้งที่ 3 แต่ครั้งนี้เอาเลือดออกได้แค่ส่วนหนึ่งเพราะเลือดมันเริ่มแข็งตัวแล้ว และให้ยาฆ่าเชื้อตนมาเพิ่มให้กินต่อเป็นเดือน ตรงตาที่มันมีเลือดคลั่งอยู่มันมีการยุบลงบ้าง คุณหมอบอกว่าตอนที่ตนมีเลือดคลั่งที่ตามเยอะ กลัวว่าตนจะตาบอด เพราะเสี่ยงตาบอดมากถ้ามีเลือดไปคลั่งจำนวนเยอะ คุณหมอบอกว่าเครียดมากจึงจ่ายยาให้ตนเยอะขึ้น หลังจากนั้นได้มีการติดตามติดตามผลการรักษาคุณหมอถามว่าตนได้ไปกินอาหารเสริมหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้กิน ตนเคยมีทำศัลยกรรมและรู้ว่าต้องดูแลตัวเองยังไง ต้องหยุดอาหารเสริม และหยุดมา 3 เดือนแล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับตนแน่นอน คุณหมอบอกว่าตาจะดีขึ้นและยุบลง แต่ตอนหลังที่ใต้ตาตนเริ่มตกสะเก็ด เป็นแผล ตนเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ดีขึ้นเลย

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี