ที่แหลมหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม จัดกิจกรรมโครงการสืบสานตำบลตันหยงสตาร์ เมืองท่าโบราณ ประจำปี 2567 จัดกิจกรรมแข่งขันหาหอยเดือนหรือหอยแว่น โดยมีชาวบ้านเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 5 คน ซึ่งได้นำกะละมังและลังหรือที่ใส่หอย ลงน้ำเพื่องมหาหอยเดือนที่ ในช่วงนี้พบได้มากบริเวณทะเลแหลมหยงสตาร์ โดยกติกากำหนดระยะเวลา 1 ชั่วโมง จะนำหอยเดือนที่หาได้มาทำการชั่งน้ำหนักรวมทั้งเปลือกหอย หากใครได้น้ำหนักมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งมีชาวบ้านคอยเชียร์ลุ้นให้กำลังใจอยู่บนฝั่ง.

โดยวิธีการหาหอยเดือน ชาวบ้านที่ชำนาญจะใช้เท้าและมือในการควานหา ใช้เท้าเขี่ยๆไปกับทรายที่ปนไปด้วยโคลนใต้น้ำทะเล ก็จะพบเปลือกหอยเดือนได้ง่าย เพราะเปลือกหอยมีลักษณะแบนๆใหญ่ๆ ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ มีใหญ่สุดเท่า 2 ฝ่ามือ หอยเดือนจะอยู่ระดับเดียวกับพื้นทรายใต้น้ำประมาณ 1 เซนติเมตร.

“หอยเดือน”หรือหอยแว่น เป็นหอยที่มีลักษณะเปลือกหอยแบนกลม ต้องนำมาย่างเพื่อให้เปลือกอ้าออกก่อนจะนิยมนำมาผัด ย่าง รสชาติหวานมาก และหอยเดือน ชาวบ้านจะหามาขายในราคากิโลกรัม 20-25 บาทรวมทั้งเปลือก หากขายแต่เนื้อหอย ราคากิโลกรัมละ 100 บาท เลยทีเดียว และสำหรับผู้ที่เข้าแข่งขันวันนี้ทั้ง 5 คน เมื่อหาหอยเดือนมาได้ก็ได้นำมาชั่งน้ำหนัก ว่าใครหาหอยเดือนได้น้ำหนักเยอะสุดภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยผู้ชนะเลิศคือนายคนึง เจริญฤทธิ์ หาหอยเดือนได้ถึง 18 กิโลกรัม.

นายคนึง เจริญฤทธิ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 211 ม.4 ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง บอกว่า การหาหอยเดือนจะต้องหาในช่วงน้ำลงหรือถ้าน้ำขึ้นนิดๆก็จะทำให้หอยเดือนผุดและลอยตัวขึ้นมาเอง แล้ววิธีการหาหอยเดือนจะต้องใช้เท้าเป็นหลักส่ายไปส่ายมา แนะนำมือจับไปด้วยจะรู้สึกสากๆ ส่วนมากหอยเดือนจะอยู่ในโคลนปนทราย อยู่บนพื้นทรายประมาณ 1 เซนติเมตร จะกองอยู่แบบราบแบน ที่หาหอยในวันนี้ระดับน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 เมตร แต่หากลึกมากเราจะต้องดำลงไป เราสามารถหาหอยเดือนได้ทุกวัน ชาวบ้านจะนิยมหาแล้วนำมาขายเฉพาะเนื้อกิโลกรัมละ 100 บาท หากขายทั้งเปลือกด้วยก็อยู่ที่กิโลกรัมละ 20-25 บาท รสชาติของหอยเดือนจะมีรสชาติหวานอร่อยมาก ก่อนจะนำมาทำเป็นผัดจะต้องล้างทรายออกก่อน ลักษณะเนื้อหอยจะอยู่กลมๆเป็นวงเหมือนดวงจันทร์ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คนหาหอยเดือนน้ำหนักรวมกันได้ถึง 65 กิโลกรัม…

ภาพ-ข่าว ตรัง สุนิภา หนองตรุด