ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีคณะเจ้าหน้าที่จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 8 คน โดยได้เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เขต อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อมารับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการให้กู้ยืมเงินของสถานศึกษากับนักศึกษา  โดยได้ขอให้ทางมหาวิทยาลัยแจ้งให้ น.ศ.ที่มีปัญหาติดขัดจำนวน 517 ราย มาพบกับเจ้าหน้าที่ของกองทุนเพื่อสอบถามข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ยืมเรียน  โดยมี น.ศ.จำนวน 5 ราย นำโดย นายมหินธร น.ศ.ชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ และ น.ส.อุไรรัตน์  น.ศ.ชั้นปีที่ 4 คณะการจัดการและเพื่อน น.ศ.ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้รวมจำนวน 5 คน ได้เดินทางมาพบกับคณะเจ้าหน้าที่ของ กยศ.  ซึ่งกลุ่ม น.ศ.ทุกคนที่มาพบกับคณะเจ้าหน้าที่ กยศ.ต่างมีสีหน้าเศร้าหมอง  เนื่องจากว่า ได้กู้เงิน กยศ.เรียนมาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 แล้ว และเมื่อถูกเรียกมาพบกับเจ้าหน้าที่ของ กยศ.ก็ต่างพากันวิตกกังวลใจ  เกรงว่า จะไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ยืมเรียนต่อไปอีก เพราะว่าขณะนี้กำลังเรียนใกล้จะสำเร็จการศึกษาแล้ว โดยกลุ่ม น.ศ.ได้พูดจาอ้อนวอนคณะเจ้าหน้าที่ กยศ.ว่า ขอความเมตตาอย่าได้ตัดสิทธิ์เงินกู้ยืมเรียนของพวกตน และได้คุกเข่าลงร่ำไห้ไหว้เจ้าหน้าที่ของ กยศ.อ้อนวอนว่า ไม่ให้ติดสิทธิ์เงินกู้ยืมเรียนของพวกตน และได้ขอข้อมูลแบบสอบถามคืนจากเจ้าหน้าที่ กยศ. ล่าสุด เจ้าหน้าที่ของ กยศ.ได้มีการไปเรียกเอา น.ศ.ที่กำลังเรียนหนังสือและไม่มีชื่อใน 517 ราย มาสัมภาษณ์ ทำให้เกิดความกังวลสับสนในกลุ่ม น.ศ.ที่กำลังเรียนหนังสือเป็นอย่างมาก ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้  ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ศรีสะเกษ เขต 2 อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  นายสุรชาติ  ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 พรรคเพื่อไทย ส.ส.ขวัญใจประชาชนและเป็นนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประชาชนชาวศรีสะเกษ และเป็น ส.ส.ศรีสะเกษ ตนมีความรู้สึกเห็นใจและมีความสงสาร น.ศ.ที่ต้องคุกเข่าร่ำไห้ไหว้ กยศ. พูดอ้อนวอนว่า ไม่ให้ กยศ.ติดสิทธิ์เงินกู้ยืมเรียนของกลุ่ม น.ศ.เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่า น.ศ.กลุ่มดังกล่าวมาขอกู้เงินยืมเรียน และเป็นผู้กู้รายเก่า ไม่ได้มาขอเงินจาก กยศ.แต่อย่างใด เมื่อ น.ศ.กลุ่มนี้รวมทั้ง น.ศ.ทุกคนของสถาบันการศึกษาแห่งนี้เรียนจบแล้วก็ต้องไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้ กยศ.ตามสัญญากู้เงินที่กำหนดไว้  ซึ่งตนเห็นว่า เงินค่าดำรงชีพเดือนละ 3,000 บาท เฉลี่ยวันละ 100 บาทนั้น ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของ น.ศ.  ทำให้ น.ศ.จำนวนมากที่ครอบครัวมีฐานะไม่สู้ดีนักแต่อยากเรียนหนังสือ  จึงต้องขวนขวายไปหางานนอกเวลาเรียนทำงานเพื่อหาเงินเป็นรายได้เสริมมาเพื่อใช้จ่ายในการเรียนของตนเอง  ซึ่งแม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา น.ศ.จำนวนมากก็ต้องไปทำงานเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีงาม เพราะว่าเป็นการช่วยเหลือตนเอง ทำให้ น.ศ.มีความเข้มแข็งสามารถที่จะดำรงชีพอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี

นายสุรชาติ  ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า  ท่านเศรษฐา  ทวีสิน  นายก รมต.และ รมว.กระทรวงการคลัง ได้มีแนวนโยบายว่า เด็ก ซึ่งเป็นอนาคตของชาติทุกคน ต้องได้เรียน ท่านจะขับเคลื่อนเรื่องลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยตัวเองมาตั้งแต่ก่อนเข้ามารับตำแหน่งนายกฯหลายปีแล้ว ปรารถนาที่จะเห็นเด็กไทยได้รับความเท่าเทียมในเรื่องนี้ โดยตั้งเป้าให้จำนวนเด็กที่ต้องหลุดระบบการศึกษาเป็น “ศูนย์”  ซึ่งทันทีที่ท่านนายกฯเศรษฐา เข้ารับตำแหน่ง ท่านแจ้งว่า ได้สั่งการทันทีให้ “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” (กสศ.) DES และกระทรวงมหาดไทย บูรณาการรวบรวมข้อมูลนักเรียนที่

หลุดจากระบบการศึกษา ให้เป็นฐานข้อมูล Big Data ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ต้องออกจากการศึกษากลางคัน จะมีข่าวดีที่จะเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งที่ประเทศไทยก้าวไปสู่ Thailand Zero  Dropout 

นายสุรชาติ  ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า  ซึ่งภาพที่ น.ศ.คุกเข่าร่ำไห้ไหว้วอน กยศ.ขอเงินกู้ยืมไปเรียนหนังสือไม่น่าที่จะมีภาพนี้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การศึกษาของชาติไทย ตนจะนำเอาข้อมูลเรื่องนี้ไปพบกับ นายก รมต.และ รมว.กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะว่า ปัญหาเรื่องเงินกู้ยืมเรียนของ น.ศ.นี้  รัฐบาลนำโดย ท่านเศรษฐา  ทวีสิน นายกรมต.และ รมว.กระทรวงการคลัง พรรคเพื่อไทย  ตนและคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน จะต้องพิจารณาหาทางแก้ไขช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด เนื่องจากปัญหานี้ เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญของการศึกษาไทย หากเด็ก น.ศ.มีเงินหรือว่ามีครอบครัวฐานะดี น.ศ.ก็คงจะไม่ต้องมาคุกเข่าไหว้วอนขอกู้เงินจาก กยศ.แบบนี้

นายสุรชาติ  ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 พรรคเพื่อไทย ยังกล่าวด้วยว่า  ส่วนการบริหารงานของกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้น ตนจะเสนอให้มีการตรวจสอบว่า การบริหารงานของ กยศ.เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งขึ้นหรือไม่อย่างไร  เพราะเหตุใด กยศ.จึงมีข่าวในทางที่กระทบต่อจิตใจของ น.ศ.และชาวไทยทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง กยศ.ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไร  อีกทั้งเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ กยศ.นำเอาไปใช้จ่ายในการบริหารงานของ กยศ.นั้น เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น คงจะต้องนำเอาเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้ กยศ.มาพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้งว่า เหมาะสมหรือไม่เพียงใดอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่บริเวณมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เขต อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กลุ่มเจ้าหน้าที่ของ กยศ.จำนวน 7 คน ที่พากันมาติดตามสัมภาษณ์ น.ศ.ที่มีปัญหาติดขัดไม่ได้รับการอนุมัติเงินกู้ยืมจำนวน 517 รายนั้น ปรากฏว่า  ไม่มี น.ศ.มาพบกับเจ้าหน้าที่ของกองทุนเพื่อให้สอบถามข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ยืมเรียนแต่อย่างใด  โดยเจ้าหน้าที่ กยศ.จะยังคงพากันนั่งรอ น.ศ.จนกว่าจะถึงวันที่ 15 ม.ค.2567 ตามระยะเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้ และจนกว่าจะมีคำสั่งจากหน่วยเหนือว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป

ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ