ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากกรณีที่นายอนุกูล เพิ่มเดช ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.โคกชะงาย อ.เมือง จ.พัทลุง ออกมาโพสข้อความบนเฟสปุ๊ค ว่าทรัพย์สินลูกชายหายหลังประสบอุบัติเหตุ แล้วมีการแชร์กันกระหึ่มในโชเชียล โดยมีข้อความว่า ช่วยแชร์ด้วยครับ..

เหตุรถบิ๊กไบค์เกิดอุบัติเหตุ หน้าเทศบาลบ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง มี เลสข้อมือทอง เเหวนทอง น้ำหนัก 4 บาท ของผู้ประสบอุบัติเหตุ หาย ทางโรงพยาบาลป่าพะยอมให้ดูรูปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์แล้วว่ามีแต่สร้อยคอ แต่หลังเกิดเหตุก่อนถึงโรงพยาบาล อยากได้ภาพถ่าย 1. ตอนเกิดอุบัติเหตุที่กู้ภัยยังไม่มา 2. ตอนกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์กันเป็นทอดๆ เลสข้อมืออาจจะขาดได้แต่แหวนไม่น่าจะหลุดจากนิ้ว ทุกคนน่าจะคิดเหมือนผม ข้อความร่วมมือแชร์ โพสนี้ด้วยหรือใครที่อยู่ตอนเกิดเหตุจะให้ข้อมูลสามารถติดต่อผมส่วนตัวมา 0643323133 ถ้าแหลงภาษาบ้านไปคือ ขอหลบเถอะคับ มันจะไม่มีความสุขในชีวิต..ขอความร่วมมือถึงร้านทองด้วย ช่วยสังเกต ทองลักษณะนี้ครับ

ชึ่งล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนายอนุกูล ทราบว่าลูกชายนายจิรวัฒน์ เพิ่มเดช อายุ 22 ปี ได้ขับรถบิ๊กไบ ประสบอุบัติเหตุบนถนนสายเอเชีย เมื่อคืนวันศุกร์ ที่  6 ตุลาคม 66 ที่ผ่านมา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ทรัพย์สินอย่างแหวน สร้อยข้อมือ น้ำหนักรวม4 บาทได้หายไป ที่โพสออกไปคืออยากได้ของลูกชายที่ทำงานสะสมเอาไว้ อยากได้กลับมา ก่อนมีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก โดยบอกว่าไม่ได้คิดเจาะจงว่าใครเอาไป  แต่อยากได้ของกลับคืนมา ขณะที่หลังมีการโพสและแชร์ออกไป โดยมีการแม้นลงไปที่กู้ภัยคือหน่วยงานแรกที่เข้าไปช่วยเหลือ ทำให้มีการวิพากวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ จนทัวร์ลง ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือในอันดับต้นๆว่าเป็นผู้ที่อาจจะเอาทรัพย์สินไป

โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนายดำรงศักดิ์ พลอยดำ อายุ 34 ปี อาสาสมัครนิระภัยป่าพะยอม เป็นคนแรกที่เจอเหตุการณ์และเข้าช่วยเหลือ กล่าวทั้งน้ำตา ว่า ก่อนผู้เสียชีวิตขับรถมาประสบอุบัติเหตุ ก่อนหน้านั้นได้มีรถยนต์เก๋งขับรถชนสุนัขจนหม้อน้ำด้านหน้าแตกไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ตนช่วยอำนวยความสะดวก จนต่อมาไม่นาน รถบิ๊กไบคันดังกล่าวขับมาชนสุนัขก่อนเสียหลักปชนกับเสาฟ้าริมทางจนทั้งคนทั้งรถกระเด็นไปไกล ตนวิ่งไปดูพร้อมโทรประสานรถจากแม่ข่ายให้รีบมาช่วยคนเจ็บเพื่อนำคนเจ็บให้ถึงหมอเร็วที่สุด ก่อนที่รถแม่ข่ายมาถึง คุณหมอที่ขับมาประสบเหตุได้ช่วยปฐมพยาบาลก่อนก่อนที่จะนำคนเจ็บที่อาการสาหัส ส่งรพ.ป่าพะยอม  โดยการช่วยเหลือนั้นตนแค่อยากให้น้องปลอดภัย และถึงมือหมอเร็วๆ โดยไม่ได้คำนึงว่าน้องคนที่เจ็บหรือคนที่ประสบอุบัติเหตุจะมีฐานะอย่างไร หรือมีทรัพย์สินอย่างไรแต่สุดท้ายมาเจอแบบนี้ท้อใจสุด สังคมตัดสินว่าเราเป็นคนขโมยของคนเจ็บและคนตาย ทั้งที่เราทำงานด้วยใจสาธารณะ มุ่งหวังให้น้องเขาปลอดภัย ท้อสุดๆเลยพี่ วันนี้ยังไม่ได้ทานข้าวเลยเครียด หลังถูกสังคมวิจารย์ ทั้งที่เราไม่เคยเอาอะไร ขณะที่เพื่อนอาสาสมัครนิรภัยก็กล่าวในลักษณะเดียวกันคือท้อสุดๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านนายสุรศักดิ์ หนูฤทธิ์  อายุ 41 ปี หัวหน้าหน่วยนิระภัยป่าพะยอม กล่าวว่า ผมเชื่อว่าลูกน้องผมทำงานด้วยจิตอาสา และเชื่อว่าไม่ได้เอาทรัพย์สินของคนเจ็บ คนตายในการเข้าไปช่วยเหลือ คิดเพียงอย่างเดียวว่าการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ ต้องถึงมือหมอโดยเร็ว ตั้งแต่เช้าวันนี้มีคนโทรมาสอบถามเยอะมากจนสายแทบไหม้ ว่าหน่วยของเราเป็นคนเอาทรัพย์สินต์ของผู้เสียชีวิต ท้อใจสุดนะพี่ เราทำดีแต่ไม่ได้ดี

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่าหลังมีการแชร์กันในโชเชียล และสอบถามอาสาสมัครนิระภัยป่าพะยอม   ได้มีโทรศัพท์ลึกลับแจ้งญาติว่าพบสร้อยข้อมือแล้ว โดยมีการนำไปวางไวในพงหญ้าใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนที่ญาติผู้เสียชีวิตเดินทางไปตรวจสอบพบว่าสร้อยนั้นขาดเป็นท่อนๆ และลักษณะเหมือนมีการนำมาวางไว้ให้หลังมีการแชร์โพสออกไป ส่วนแหวนนั้นยังไม่เจอ พร้อมกันนั้นทางนายอนุกูล พ่อผู้เสียชีวิตไม่ติดใจเอาความ และกล่าวว่าหลังเสร็จงานศพลูกชาย จะเข้าไปขอโทษหน่วยนิระภัยป่าพะยอม ที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดในครั้งนี้

ภาพ-ข่าว ไสว รุยันต์ จ.พัทลุง