การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดตัวรถมินิบัสไฟฟ้า “ชาร์จไฟใส่ EV ชาร์จอากาศดีๆ ให้โลกเรา” โดยมี นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน พร้อมด้วย นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. คณะผู้บริหาร กฟผ. หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลำปางและอำเภอแม่เมาะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  และผู้นำชุมชน อ.แม่เมาะ ร่วมงาน ณ กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า จังหวัดลำปางได้ร่วมมือกับ กฟผ.แม่เมาะ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ชุมชนแม่เมาะ พัฒนาอำเภอแม่เมาะให้เป็นเมืองน่าอยู่ (Mae Moh Smart City) โดยขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่แม่เมาะ เพื่อมุ่งสู่เมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของจังหวัดลำปาง สอดรับกับนโยบาย Carbon Neutrality ซึ่งประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะบรรลุ Net Zero ให้ได้ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งงานเปิดตัวรถมินิบัสไฟฟ้าในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงอีกหนึ่งการดําเนินงานของ กฟผ. ที่ช่วยส่งเสริมนโยบายดังกล่าวให้ลุล่วง ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้รถสันดาปเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเกิดความคล่องตัวในการจราจรบนท้องถนนจังหวัดลําปางอีกด้วย

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. มีนโยบายในการสนับสนุนการนำรถมินิบัสไฟฟ้ามาใช้ในพื้นที่ของ กฟผ. เริ่มที่ กฟผ. สำนักงานใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้ และที่ กฟผ.แม่เมาะ แห่งนี้ มีจำนวนมากที่สุดถึง 28 คัน ดำเนินการโดย บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ กฟผ. ช่วยส่งเสริมนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ และสนับสนุนแนวทางการพัฒนาพื้นที่ อ.แม่เมาะ และจ.ลำปาง สู่การเป็นเมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำให้แม่เมาะ และจ.ลำปาง เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยมาใช้รถบัสไฟฟ้าแทนรถบัสดีเซลแบบเดิม ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลภาวะและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากไอเสียของยานยนต์ และช่วยเพิ่มความคล่องตัวบนท้องถนนด้วยรถที่ขนาดเล็กลง สำหรับค่าเชื้อเพลิง เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันแล้ว รถมินิบัสไฟฟ้าจะใช้พลังงานเฉลี่ย 0.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 1 กิโลเมตร หรือคิดเป็นค่าไฟประมาณ 2.90 บาทต่อกิโลเมตร ในขณะที่รถน้ำมันจะมีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงประมาณ 8 บาทต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ ที่ผ่านมา กฟผ. ยังมีการรณรงค์ใช้รถไฟฟ้าในองค์กร เช่น มีการปรับรถประจำตำแหน่งผู้บริหารเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด และในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนรถสำหรับใช้ในหน่วยงานต่างๆ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ กฟผ. มุ่งมั่นสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในระดับประเทศ ผ่านการดำเนินงานและการร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรเครือข่ายต่างๆ อาทิ การติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EleX by EGAT ทั่วประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2566 ตั้งเป้าหมายขยายสถานี และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย จำนวนรวม 180 สถานี การพัฒนาแอปพลิเคชัน EleXa สำหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า BackEN EV สำหรับองค์กร และภาคธุรกิจ ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนและรณรงค์การใช้งานในแคมเปญระดับประเทศ เพื่อให้ประเทศพร้อมสูงสุดในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า สร้างระบบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปูทางสู่เป้าหมายร่วมตามนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในอนาคตอันใกล้.

ภาพ-ข่าว อัมรินทร์ วะนะวิเชียร จ.ลำปาง