จากกรณีสาววัย 48 ปี อดีตเจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าจอดรถยนต์เทศบาลนครปากเกร็ด ร้องสื่อถูกเจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าจอดรถยนต์เทศบาลนครปากเกร็ด รุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะ แผลถลอกตามร่างกาย จนลงไปนอนกองกับพื้น ที่เกิดเหตุบริเวณ ลานจอดรถยนต์ใต้สะพานพระราม4 ท่าน้ำปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ค.66 เวลา 09.45 น. แจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ด

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าพบน.ส.มะปราง อายุ 37  ปี เจ้าหน้าที่เก็บเงินลานจอดรถยนต์เทศบาลนครปากเกร็ด และน.ส.กุ้ง (พี่สาว) อายุ 47 ปี อาชีพ ค้าขาย ได้นำคลิปหลักฐานสามีกำลังเข้าห้ามปรามเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับสื่อมวลชน พร้อมขอความเป็นธรรมจากสื่อหลังจากถูกกล่าวหาว่ามีการรุมทำร้ายร่างกาย 4-5 คน ทำให้ทำรับความเสียหายถูกสังคมวิพากษ์วิจารย์ทำให้เสียหาย

น.ส.มะปราง (เสื้อขาว) เปิดเผยว่า คู่กรณีคือน.ส.นก เคยทำงานที่เทศบาลนครปากเกร็ดที่เดียวกันกับตน ก่อนที่จะลาออกไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ก่อนหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่คนเดียวที่ป้อมเก็บเงินค่าจอดรถเทศบาลท่าน้ำปากเกร็ด ส่วนคู่กรณีกำลังวนรถหาที่จอดเพื่อจะมาเข้างาน ระหว่างนั้นหัวหน้าตนได้โทรมาสอบถามว่าเจ้าหน้าที่อยู่กันกี่คน ตนบอกว่าอยู่คนเดียว แต่น.ส.นก กำลังหาที่จอดรถอยู่ในลานจอดรถ หัวหน้าตนจึงถามตนว่าน.ส.นกได้รับบัตรจอดรถที่ต้องชำระค่าบริการหรือเปล่า ตนตอบไปว่าไม่ทราบ หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ทำงานกันปกติ  หลังจากนั้นวันที่ 11 พ.ค.66 ตนพึ่งทราบว่าคู่กรณีโดนหัวหน้าเรียกไปพบเรื่องบัตรจอดรถที่ตนแจ้งกับหัวหน้าที่มาลงพื้นที่  พอตนกลับมาถึงบ้านประมาณบ่าย 2 หัวหน้าโทรตามตนให้ไปพบเพราะคู่กรณีกล่าวอ้างว่าตนเอารถพี่สาวคือน.ส.กุ้งไปจอดในลานจอดรถโดยที่ตนไม่ได้ให้บัตรจอดรถ ซึ่งเท่ากับมันคือการทุจริต ตนยืนยันว่าไม่เคยทำ พี่สาวตนไม่เคยเอารถไปจอดซักครั้ง สามารถตรวจสอบได้ จากนั้นคู่กรณีได้ลาออกไปและไม่ได้เจอกันอีกเลย

น.ส.มะปราง (เสื้อขาว) กล่าวต่ออีกว่า วันเกิดเหตุตนกำลังพักเบรคจากงาน และจะไปเข้าห้องน้ำและซื้อข้่วกินแถวท่าน้ำปากเกร็ด จึงโทรหาแฟนให้มารับ จังหวะที่ขับไปบริเวณท่าน้ำปากเกร็ด ตนเห็นน.ส.นก จึงให้แฟนจอดรถก่อนจะเดินเข้าไปหา และสอบถามความจริงที่เอาตนไปพูดถึงว่านำรถพี่สาวมาจอดโดยไม่จ่ายเงิน ทำไมถึงกล่าวอ้างให้ตนเสียหายแบบนั้น คู่กรณีบอกว่าไม่ได้ระบุว่าใคร  แต่มีคนได้ยินหลายคน ทำให้ตนโดนหัวหน้าเรียกขึ้นไปพบ ส่วนเรื่องที่ตนบอกบอกหัวหน้าว่าน.ส.นก กำลังหาที่จอดรถอยู่ไม่ทราบว่ารับบัตรจอดรถหรือเปล่า ทางคู่กรณีคิดว่าตนไปรายงานหัวหน้าจึงทำให้ถูกโดนเรียกไปคุย ตนจึงบอกว่าจะให้พี่สาวมาคุยเพราะคู่กรณีไปกล่าวอ้างทำให้เสียหาย พี่สาวตนก็ขี่รถจยย.มาคนเดียวและไปคุยกับเขา คู่กรณีได้โต้เถียงกลับมา จากนั้นจึงโต้เถียงกันแรงจนทนไม่ไหว เพราะตนเสียหายและทำให้คนมองว่าตนทุจริต จากนั้นจึงได้มีการต่อสู้กัน ตนตบเขาคนเดียวไม่ได้มีการรุมกัน แฟนตนกับพลเมืองดีได้เข้ามาดึงตนออก แต่กลับไปลงข้อมูลว่ามีการรุม 4-5 คน ส่วนคู่กรณีตอนเกิดเหตุได้มีการโทรหาแฟนและเรียกพวกมา ทุกคนที่เห็นในคลิปเขาคือเข้ามาช่วยห้ามทั้งหมด พี่กุ้งพี่สาวของตนก็เข้ามาห้าม คู่กรณีได้กระชากสร้อยคอของพี่กุ้งขาด และอัดคลิปพี่กุ้ง พี่กุ้งจึงได้ดึงโทรศัพท์เขาและบอกให้เขารับผิดชอบเรื่องสร้อยที่ขาด ตนไม่ได้กักขังหนือไปยึดโทรศัพท์อะไรเลย ตนไม่อยากไปตอบโต้ในโซเชี่ยล อยากจะพูดความจริงของฝั่งตนมากกว่า

น.ส.กุ้ง (เสื้อแดง) เปิดเผยว่า ตนถูกทางคู่กรณีชื่อน.ส.นก ที่เป็นคนเจ็บ กล่าวหาว่าตนขับรถยนต์ไปจอดลานจอดรถใต้สะพานฟรีโดยไม่แลกบัตร ตนทราบข่าวก็คือวันที่ 11 พ.ค.66 ประมาณ 16.00 น. เพราะว่าน้องสาวถูกหัวหน้าเรียกเข้าไปพบเพราะเรื่องนี้ ตนจึงโทรเข้าไปเบอร์ส่วนตัวของน.ส.นก แต่สามีเป็นคนรับโทรศัพท์แล้วพูดว่า ไม่พี้อมที่จะคุย “เขาอะคนจริง” ตนก็บอกไปว่าทำไมไปพูดแบบนั้นกล่าวหาว่าตนไปจอดรถไม่เสียเงิน ตนจึงนัดให้มาพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เทศบาลปากเกร็ด ว่าความจริงเป็นอย่างไร ทางคู่กรณีก็ไม่มา ต่อมาวันเกิดเหตุตนไม่รู้เรื่องว่ามีเรื่องอะไรกัน มีแต่น้องสาวโทรมาหาตนให้มาที่เกิดเหตุตนก็รีบขี่รถจยย.มาหาน้องสาว ก็พบน.ส.นก ตนจึงสอบถามว่าทำพูดกล่าวหาตนแบบนี้ ใส่ร้ายตนทำไม ทางคู่กรณีก็โต้ตอบมาเพียงว่า”ทำไม อะไร แล้วยังไง” จึงเกิดการตะโกนด่ากันโต้เถียงกันเกิดขึ้น หลังจากนั้นตนกำลังจะขี่จยย.กลับบ้าน ทางน้องสาวตนได้วิ่งเข้าไปทำร้าย น.ส.นก ซึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พยายามเข้าไปห้ามกัน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ทางแฟนของน้องสาวตนก็วิ่งไปห้ามไม่มีการรุมทำร้ายใดๆทั้งสิ้น คลิปตอนแฟนน้องสาวไปห้ามตนก็มี ส่วนตอนที่น้องสาวกำลังตบกับคู่กรณี ตนยืนอยู่ใกล้พอดีซึ่งพยายามไปห้ามทำให้มือของคู่กรณีมาเกี่ยวสร้อยคอตนขาด ตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเพียงแต่ก้มหาสร้อยของตัวเอง พอหาสร้อยตนเสร็จก็เดินออกไปอยู่ด้านนอกตามคลิปของคู่กรณี จากนั้นตนเห็นคู่กรณีกำลังถ่ายคลิป ตนจึงเดินไปหาคู่กรณีพร้อมพูดคำว่า “มึงถ่ายคลิปทำไม ชดใช้สร้อยกูด้วย” จึงดึงโทรศัพท์มือถือจากมือมาเพื่อให้ลบคลิป ไม่มีการทำร้ายทรัพย์สินหรือปาโทรศัพท์มือถือ  ยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายคู่กรณี และไม่มีการรุมทำร้ายอย่างที่ข่าวออกไป จึงออกมาพูดออกสื่อเพื่อให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตน ไม่ใช่การแก้ข่าวหรือแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี