ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก น.ส สโรชา หรือทราย รสเชยคำ อายุ 37 ปี อาชีพแม่บ้าน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 141/15 ม.5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณทล จ.นครปฐม ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 66 เวลาประมาณ 10.30 น. นาย พัทธดล หรือเฟิร์ส คูนเทือกเถา อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นลูกชายถูกรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ญฌ 8598 กทม.ของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล7 ชนบริเวณถนนเลียบคลองทวีวัฒนา 28 ในขณะปฎิบัติหน้าที่ โดยมี ด.ต.ธิปไตย คงทัพ เป็นผู้ขับ

 ทำให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บรถได้รับความเสียหาย  คนชนไม่ยอมรับผิด ไม่จ่ายค่ารักษาหรือชดใช้ค่าเสียหายใดๆ แถมยังบอกถ้าอยากได้ค่าเสียหายให้ไปฟ้องร้องเอาและยังขมขู่หากเอาเรื่องไปบอกนักข่าวจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย ในเรื่องของพรบ.คอม อีกด้วยจึงเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชวภณ คล่องยุทธ รอง สว.สอบสวน สน.ธรรมศาลา ไว้ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.66 จนป่านนี้คดีไม่คืบหน้า แถมขู่ว่าห้ามไปบอกนักข่าวเพราะคู่กรณีจะฟ้องกลับ ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงปรึกษาที่บ้านจนตัดสินใจบอกนักข่าวให้ช่วยเหลือ เพราะกลัวว่าตำรวจจะช่วยตำรวจด้วยกัน

นาย พัทธดล คูนเทือกเถา เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา แม่ได้ใช้ให้ตนออกไปซื้อยาที่ร้านใกล้ๆบ้าน เนื่องจากน้องคนเล็กไม่สบาย ตนจึงขี่รถจจย.ออกไป ขณะจะขี่รถกลับมาบ้าน ตรงที่เกิดเหตุตนเห็นรถกระบะคันดังกล่าวจอดอยู่ริมขอบทางด้านซ้าย ตนจึงขี่รถตรงมาตามปกติ แต่จู่ๆรุกระบะคันดังกล่าวก็หักหัวออกมาเพื่อที่จะกลับรถโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวบอก จึงเกิดการชนกันขึ้นตามคลิป พอชนเสร็จตนกระเด็นออกจากรถไปนอนอยู่ที่พื้นจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าข้างทาง แต่คนขับรถกระบะก็ไม่ได้ลงมาดูหรือมาถามอะไรเลย กว่าจะลงมาจากรถกระบะได้ก็ผ่านไปซักพักแล้ว แถมตอนลงมาก็มาด่าว่าตนอีก หาว่าตนจี่แบบนี้ได้ยังไง ทำไมแซงขวาแบบนี้ ทำไมไม่แซงซ้าย ถ้าแซงซ้ายไปก็ไม่ชนแล้ว และไม่ได้ถามเลยว่าตนเป็นอะไรมากไหม บาดเจ็บตรงไหนไหม แถมยังย้ำว่าเขาไม่ผิดอีกต่างหาก

ทางด้าน น.ส.สโรชา รสเชยคำ อายุ 37 ป )เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนเลี้ยงลูกคนเล็กอยู่ที่บ้านเนื่องจากลูกไม่สบายจึงใช้ให้น้องเฟิร์สออกไปซื้อยา แต่คนรู้จักเข้ามาบอกว่าลูกโดนรถชน ตนตกใจมากจึงรีบออกไปดูลูกตรงที่เกิดเหตุ ก็พบว่าลูกยืนคุยกับผู้ชายอยู่ 4-5 คน คิดว่าน่าจะเป็นคนที่ขับรถกระบะและคนที่นั่งอยู่ข้างใน ตนจึงได้เข้าไปพูดคุย ซึ่งตนมารู้ว่าคนที่เป็นคนขับรถกระบะเป็นตำรวจก็เพราะว่า เขาบอกว่าเขามาซุ่มจับกุมคนร้ายคดียาเสพติด แถมยังบอกอีกว่าลูกตนยังอายุไม่ถึง ทำให้ให้รถลูกออกมาขี่แบบนี้ จากนั้นตนเห็นว่าคู่กรณีเป็นตำรวจ และไม่ยอมรับผิดใดๆ จึงพาลูกไปแจ้งความที่ สน.ธรรมศาลาไว้ก่อน และได้เจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องค่าเสียหายแล้วแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ด.ต.ธิปไตย ยังบอกตนอีกว่า เขาไม่ผิดถ้าอยากได้ค่าเสียหายให้ไปฟ้องร้องเอาเอง

ต่อมาวันที่ มี.ค.ทางร้อยเวรก็ได้นัดให้เข้าไปเจรจาไกลเกลี่ยกันใหม่อีกรอบ โดยตนได้ขอค่าซ่อมรถมอเตอร์จำนวน 50,000 บาทเพราะ รถรุ่นนี้ค่าซ่อมและอะไหล่ค่อนข้างแพง แต่ทาง ด.ต.ธิปไตย ก็ไม่ยอมแถมยังพูดจาไม่ดีใส่ตนอีกด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค 66 ตนได้พาลูกชายเข้าไปร้องที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 โดยตรง แต่ก็ได้รับคำตอบที่ไม่น่าเชื่อว่าทางผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ธิปไตยจะพูดออกมาคือ เขาไม่สามารถลงโทษลูกน้องเขาได้ เนื่องจากลูกน้องเขาไม่ได้ทำผิดวินัยตำรวจ ไม่ได้ไปเรียกรับเงินหรือปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การที่รถชนกันแบบนี้ถือเป็นเรื่องของประชาชนกับประชาชนต้องเคลียร์กันเอง ซึ่งตนก็งงมาก ว่าลูกน้องของคุณอยู่ในกำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่หรอกำลังจะจับยาเสพติดแล้วการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถชนประชาชนขณะปฎิบัติหน้าที่แบบนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นประชาชนต้องรับผิดชอบเองหรอ

ล่าสุด ตนได้ไปติดตามความคืบหน้าที่ สน.ธรรมศาลา กับ ร.ต.อ.ชวภณ คล่องยุทธ รอง สว.สอบสวน สน.ธรรมศาลา แต่ได้คำตอบว่าใบพิสูจน์หลักฐานยังไม่มา ซึ่งตอนแรกที่คุยกันเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าใช้เวลาประมาณ1เดือนในการรอใบพิสูจน์หลักฐาน จนตอนนี้เลย1เดือนมาแล้วเรื่องกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดตนกลัวว่าเรื่องจะเงียบหายไปเพราะคู่กรณีเป็นตำรวจ และตอนที่พูดคุยกัน คู่กรณีก็พูดจาไม่ดีใส่เราด้วยเหมือนเขาคิดว่ายังไงเขาก็ไม่ผิดแน่ๆ และหัวหน้าเขาที่ตนเข้าไปร้องทุกข์ก็ยังไม่ช่วยเหลืออะไรตนเลย ตนกับครอบครัวไม่รู้จะไปพึ่งใครเพราะที่บ้านก็ไม่ค่อยมีเงิน มีแฟนที่ทำงานหาเงินเพียงคนเดียว

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต จ.นนทบุรี