ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติด และจัดอบรมโครงการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมีเครือข่าย ป.ป.ส.เข้าร่วมประมาณ 1,200 คน  

โดยการแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 2 รายคือ รายแรกตำรวจ บก.สส.ภ.5 ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ภ.5 ด่านตรวจจำบอน สภ.เมืองเชียงราย สภ.สอง จ.แพร่ ด่านตรวจห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย และ จ.แพร่ ร่วมทั้ง ป.ป.ส.ได้จับกุมตัวชายจำนวน 7 คน ชื่อว่านายกิติคม อายุ 38 ปีชาว อ.ปัว จ.น่าน นายนิวัฒน์ อายุ 41 ปี ชาว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นายอากูล อายุ 40 ปี ชาวเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ นายสราวุฒิ อายุ 41 ปี และ นายสาธิต อายุ 34 ปี ชาว อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ นายกฤษณพล อายุ 42 ปี ชาว อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ และนายสีโสภณ อายุ 41 ปี ชาว อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ พร้อมของกลางยาบ้า 23 กระสอบ จำนวน 4,580,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 3 คัน รถบรรทุกสิบล้อ 1 คัน รถยนต์กระบะ 3 คัน และรถยนต์เก๋ง 2 คัน  สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหากลุ่มนี้รับว่าเคยขนยาบ้าไปส่งที่ จ.นนทบุรี มาแล้วถึง 3 ครั้ง

อีกรายตำรวจ สภ.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จับกุมตัวนายสุรพงษ์ อายุ 36 ปี ชาว อ.เวียงป่าเป้า ขณะขับรถขนยาบ้าจำนวน 16 กระสอบ 3,200,000 เม็ด เข้าไปจอดในปั๊มน้ำม้น ปตท.สาขาแม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งเมื่อรวมผลการจับกุมยาเสพติดของ ภ.5 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565-1 ก.พ.2566  สามารถยึดยาบ้าได้แล้วจำนวน 37,019,345 เม็ด ไอซ์ 1,041 กิโลกรัม เคตามีน 401 กิโลกรัม ยึดทรัพย์มูลค่ารวมกันประมาณ 313 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 2,220 ราย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในรอบ 3 วันของการจับกุมคดียาเสพติดรายแรกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้ตรวจยึดทรัพย์สินในคดีได้รวมกันจำนวนประมาณ 12 ล้านบาท ส่วนรายที่ 2 อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจุบันมีการประกาศบังคับกฎหมายใหม่โดยผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับส่วนแบ่งในคดี 5% ส่วนเจ้าหน้าที่จะได้รับส่วนแบ่ง 25% เช่น หากคดีมีมูลค่าทรัพย์ 100 ล้านบาท ผู้แจ้งเบาะแสก็จะได้รับ 5 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ได้รับ 25 ล้านบาท  จึงขอให้ประชาชนอย่าได้เกรงกลัว ส่วนแหล่งผลิตพบว่ายังอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งนอกจากจะสกัดการลักลอบนำเข้าและขนแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ได้จะสกัดกั้นสารตั้งต้นที่จะนำไปใช้ในการผลิต เช่น โซเดียมไซยาไนต์ เบนซิลคลอไรด์  ซึ่งบางชนิดจำนวนต้องใช้ในประเทศในธุรกิจประเภทโลหะชุบ แร่  แต่ก็จะพยายามสกัดกั้นเพื่อไม่ให้ส่งออกไปถึงแหล่งผลิตได้

ภาพ-ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย