ร้อยตรี  ฉัตรชัย  ขำสว่าง  อดีตเจ้าหน้าที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สวนรื่นฤดี ถนนนครราชสีมา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ( กอ.รมน.) กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา จากกรณีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของจังหวัดชัยภูมิ ได้มีคำสั่งให้พระสงฆ์กว่า 20 รูปในศูนย์ปฏิบัติธรรมบนเขาถ้ำวัวแดง อำเภอภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ ที่อาศัยและจำวัด อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดชัยภูมิ(เขตรอยต่อ) ทั้งหมดเคลื่อนย้ายขนสิ่งของในศูนย์ปฏิบัติธรรมทั้งหมดออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.65 ที่ผ่านมา ปัจจุบันวัดดังกล่าวใกล้ร้างแล้ว 

จึงได้มาขอแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อขอความเป็นธรรมให้พระอาจารย์พินทุ พระนักพัฒนา ผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการด่วน โดยในจุดศูนย์ปฏิบัติธรรมที่มีการเปิดให้พระอาจารย์พินทุ พระนักพัฒนา ที่ได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยได้มีการดำเนินการลง MOU ร่วมบันทึกข้อตกลงกับหน่วยงานป่าไม้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งหมดเพื่อเปิดเป็นศูนย์ช่วยส่งเสริมให้เด็กเยาวชนได้เข้ามาปฏิบัติธรรม ทางพระ พุทธศาสนา ตามแนวทางชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อันดีงามที่มีคุณภาพให้กับบ้านเมืองตลอดมายาวนานกว่า 14 ปี และที่ผ่านมา บนเขาถ้ำวัวแดง เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมให้ชาวจังหวัดชัยภูมิและเป็นรากฐานให้กับเยาวชนเด็กไทยในทั่วประเทศได้มาเรียนฝึกจิตสมาธิตามหลักศาสนาพุทธอันดีงามที่ดีมาโดยตลอดจนปัจจุบันนี้  ซึ่งมีหลักฐานการตั้งเป็นวัดและศูนย์ปฏิบัติธรรมบนเขาถ้ำวัวแดงมายาวนานตั้งแต่ปี 2526 ก่อนที่จะมีการเข้ามาประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตะเบาะ- ห้วยใหญ่มาทีหลังในปี 2540   จึงฝากวอนขอความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งเข้ามาแก้ไข เพื่อพระสงฆ์และลูกศิษย์ จะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ดังกล่าวและเตรียมเปิดเป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรมกึ่งแหล่งท่องเที่ยวให้คนสามารถเข้ามาท่องเที่ยวชมบนเขาถ้ำวัวแดงได้ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ชาวชัยภูมิหลายพื้นที่จากแทบทุกอำเภอทั่วสารทิศทั้งเด็กนักเรียนตามสถานศึกษาต่างๆที่เคยมาปฏิบัติธรรมที่นี่จำนวนมาก  ต่างพากันสุดช้ำใจหนัก ยากที่จะทำใจได้ถึงกับหลั่งน้ำตา ระหว่างพากันเดินทางมาให้กำลังใจพระอาจารย์พินทุ นักพัฒนาชื่อดังและต้องเร่งขนสิ่งของและพาพระออกจากพื้นที่ทั้งหมดภายในวันนี้(12 ก.พ.65) ที่ผ่านมา กินเวลาผ่านมานานนับปี จนถึงปัจจุบันขณะนี้วัดต้องถูกปล่อยทิ้งร้างเพราะพระเณรไม่สมารถขึ้นไปใช้สถานที่ศาลาการเปรียญ และกุฏิให้พระสงฆ์กว่า 20 รูปพักจำพรรษาได้  จึงอยากฝากวิงวอนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้เร่งให้ความชัดเจนโดยเร็วด้วย เพราะที่ผ่านมาวัดถูกปล่อยทิ้งร่างมานานนับปีแล้ว จะปล่อยให้เรื่องที่ยังค้างอยู่ไม่มีความชัดเจนต่อไปเช่นนี้อีกไม่ได้แล้ว  และวอนชาวพุทธทุกคนช่วยออกมาปกป้องพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วย  ซึ่งตนเองก็เคยเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับป่าไม้มานานจนเกษียณชีวิตราชการแล้วในปัจจุบัน

แต่พอได้มาลงพื้นที่ตรวจสอบต่อกรณีปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในพื้นที่บนถ้ำวัวแดง ก็พบว่ามีความไม่ชัดเจนจำนวนมากที่ต้องไล่พระลงจากเขาปล่อยให้วัดถูกทิ้งร้างต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  และหลังจากได้มาตรวจสอบลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งกรณีที่มีการอ้างว่ามีการร้องเรียนว่ามีการกระทำการผิดเงื่อนไข หรือมีการตัดไม้อะไรต่างๆนั้น เป็นสิ่งที่ต้องใช้หลักเหตุและผลที่แท้จริง ว่ามีอะไรที่อยู่เบื้องหลังในการที่ต้องการให้พระอาจารย์พินทุ ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาที่ทำสิ่งดีๆ แบบนี้ออกจากพื้นที่นั้น  รวมทั้งการดำเนินการที่ผ่านมาของคณะพระสงฆ์ในจุดนี้ทั้งการให้เด็กเยาวชนชาวบ้าน ที่เข้ามาศูนย์ปฏิบัติธรรม ได้ช่วยกันดูแลรักษาดูแลป่าช่วยกัน ทั้งปัญหาไฟป่า ที่มีการร่วมใจกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ทั้งมีการจัดชุดเยาวชนจิตอาสาการออกมาร่วมแรงร่วมใจกันของเด็กเยาวชน ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ที่เข้ามาช่วยกันดูแลรักษาป่าป้องกันไฟป่าช่วยต่อท่อน้ำตามระบบประ ปาภูเขาบนเขาไว้ช่วยดับไฟป่าเพื่อป้องกับผืนป่าไม่ให้ได้รับความเสียหายมาได้ต่อเนื่องทุกปีมายาวนานกว่า 14 ปี ที่ผ่านมา ทั้งปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ยามหน้าแล้ง ที่การอยู่ที่บนเขาก็มีการเข้ามาช่วยกันทำประปาภูเขาเก็บน้ำไว้ให้ชาวบ้านที่นี่ไว้ได้ใช้ยามหน้าแล้งได้อีกด้วย และการที่จะเข้ามาที่อ้างว่าเพราะต้องจัดระเบียบเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆจากนี้ไป

การเปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติและวัดดังกล่าว ก็สามารถเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเส้นทางปฏิบัติธรรมในจุดนี้ก็ดีอยู่แล้ว และในการจะขับไล่พระยุบวัดศูนย์ปฏิบัติธรรมเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าพื้นที่มาท่องเที่ยวได้นั้น และในส่วนของศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เคยมีอยู่เดิมต้องหายไป ที่ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมากเคยเข้ามาใช้เป็นจุดศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้กับประชาชน เด็กเยาวชนอนาคตของชาติได้หลุดพ้น ได้เกิดการสร้างความรัก ความสามัคคีอันดีงาม รวมใจที่มีการดำเนินการด้านการเข้ามาช่วยส่งเสริมพระ พุทธศาสนา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในจุดนี้ต้องมาหายไปด้วยนั้น น่าจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย และพระสงฆ์ดีๆจะหายไปจากนี้ด้วย จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เร่งให้ความชัดเจนในครั้งนี้โดยเร็ว และต้องการให้กำลังใจ พระอาจารย์พินทุ  มหาปัญโญ พระนักพัฒนา ของจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะประธานที่พักสงฆ์ถ้ำวัวแดง วัดถ้ำวัวแดง ต.บ้านเจียง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ ต่อไป

 ด้าน พระอาจารย์พินทุ กล่าวว่า ในขณะนี้กรณีที่เกิดขึ้นผ่านมานานนับปี ก็เริ่มเกิดผลกระทบทางจิตใจชาวพุทธ และพระสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่กว่า 20 รูป ที่โดนผลักดันให้ลงจากพื้นที่ถ้ำวัวแดง ซึ่งมาจนวันนี้ทางคณะสงฆ์ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทำผิดอย่างไร ว่าผิดกฎหมายตัวไหนมาตราไหน ที่เคยนำมาใช้ให้พระสงฆ์อยู่ได้ หรือการถูกผลักดันออกจากพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้มีญาติโยมชาวพุทธเข้ามาช่วยตรวจสอบและมีหลักฐานความชัดเจนในพื้นที่ว่าบนถ้ำวัวแดงมีการได้รับอนุญาตให้กั้นพื้นที่ไว้ตั้งวัดได้มาตั้งแต่ปี 2545 และทางเจ้าหน้าที่ไม่มีการเข้ามาดำเนินตามหน้าที่สำรวจความชัดเจนหรือรายงานให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเลยที่ผ่านมา รวมทั้งทางคณะสงฆ์ในพื้นที่ทั้งหมดก็ยังไม่มีการถูกสั่งลงโทษจากพระอธิกรณ์ว่ามีความผิดใดๆเลย จึงอยากฝากผ่านไปถึงทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และทางหน่วยงานสูงสุดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้สำรวจพิสูจน์ความชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้น และให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ตัดสินว่าพระจะอยู่ต่อได้ไหม หรืออยู่ต่อไม่ได้ เพราะเหตุใด และให้ประชาชนชาวพุทธทุกคนได้รับทราบว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ชัดเจนซึ่งก็พร้อมน้อมรับทุกฝ่ายให้เสร็จสิ้นโดยเร็วต่อไปจากนี้ด้วย เพราะเวลาก็ผ่านมานานจนวัดต้องถูกทิ้งร้าง พระเณรต้องเร่ร่อนไปหาอาศัย ตามสถานที่ต่างๆชั่วคราวไปก่อนในระยะนี้ เพื่อรอฟังคำตอบที่ชัดเจนในครั้งนี้ด้วย/                             

ภาพ-ข่าว  วิรัตน์  ดวงแก้ว จ.ชัยภูมิ