ที่วัดบ้านคูบ ต.คูบ อ.น้ำเกลี้ยง  จ.ศรีสะเกษ   นายสุพจน์  ไชยกุฉิน ปลัดอำเภอชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนนายอำเภอน้ำเกลี้ยง เปิดเผยว่า  ได้เดินทางไปเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการจัดกิจกรรมวันครบรอบวันละสังขาร หลวงปู่ทอง ปภากโร ครบรอบ 2 ปี โดยได้รับความเมตตาจาก พระญาณวิเศษ  (หลวงปู่สุพรรณ กนโก) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ(ธ.) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มี นายบุญเลิศ  ภาคะ นายก อบต.คูบ  นำพุทธศาสนิกชนชาว ต.คูบ อ.น้ำเกลี้ยงและ จ.ศรีสะเกษ ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก  มีกิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมนุ่งผ้าไทยผ้าพื้นเมืองทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พิธีเปลี่ยนจีวรหลวงปู่ทอง ณ เจดีย์ที่ตั้งสังขารหลวงปู่  และพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลท้าวเวสุวรรณบูชาครูรุ่น 1 จากเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดศรีสะเกษ  ทั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9  เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระวันละสังขารของหลวงปู่ทอง นำเงินทำบุญบูชาวัตถุมงคลมาสร้างศาลาการเปรียญวัดบ้านคูบ และเพื่อส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นนุ่งผ้าไทยผ้าพื้นเมืองทำบุญตักบาตรให้เป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของ อ.น้ำเกลี้ยงแบบยั่งยืนต่อไป มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก

ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้  ปรากฏว่าประชาชนที่มาร่วมงานต่างพากันให้ความสนใจ หลวงพ่อพรชัย พุทธสาโร  เจ้าสำนักสงฆ์น้ำย้อย ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างมาก  เนื่องจาก หลวงพ่อพรชัย จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปจากพระสงฆ์ไทยทั่วไป  เพราะว่าท่านจะมีเครายาวมาก โดยเคราจะยาวลงมาจนถึงตัก   เคราจะเป็นสีเงิน และมัดม้วนรวมกันยาวลงมา ซึ่งหลวงพ่อพรชัย ท่านได้ประกอบศาสนพิธีตามกิจของสงฆ์ตามปกติเช่นเดียวกับพระสงฆ์ทั่วไป  ทั้งการสวดมนต์  การออกรับบิณฑบาตจากญาติโยมที่พากันมาทำบุญตักบาตรจำนวนมาก  การฉันภัตตาหาร การให้ศีลให้พรแก่ญาติโยม  ซึ่งหลวงพ่อพรชัย เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำให้พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานนี้ พากันมากราบไหว้ด้วยความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก และพากันขนานนามท่านหลวงพ่อพรชัยว่า หลวงปู่เคราเงิน

หลวงพ่อพรชัย  พุทธสาโร  เจ้าสำนักสงฆ์น้ำย้อย ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ  กล่าวว่า  การที่อาตมาภาพไว้เครานาวแบบนี้ไม่ได้เป็นเคล็ดอะไรอะไรทั้งสิ้น ที่อาตมาภาพไว้เครายาวแบบนี้เป็นเพราะความเชื่อมากกว่า ความเชื่อถือความสัตย์ ถ้าจะพูดไปแล้วตั้งแต่ที่ได้บวชที่วัดอรุณสว่างบ้านกราม อ.ขุนหาญ   จ.ศรีสะเกษ  พอดีสมัยนั้นเขมรแดงยิงกันฆ่ากันอาตมาภาพจึงได้ลงไปที่ประเทศเขมรไปอยู่ที่วัดของเขมร เป็นถ้ำเดือนถ้ำดาวของเขมร จากนั้นก็ได้กลับขึ้นมาในประเทศไทยพบว่าเกิดสงครามในเขมร ตอนช่วงนั้นได้นอนฝัน เหมือนกับหูแว่วว่าขอหนวดขอเคราเอาไว้จะไปอยู่ด้วย อาตมาภาพจึงได้บอกว่า จะเอาไว้ถ้าจะมาอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร นี่คือสาเหตุที่อาตมาภาพไว้เครายาว เพราะว่าถือสัจจะเอาไว้จึงได้ไว้เครายาวมาตลอด

หลวงพ่อพรชัย  พุทธสาโร  เจ้าสำนักสงฆ์น้ำย้อย ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ  กล่าวต่อไปว่า  หลังจากที่ขึ้นมาจากภูตะแบงก็มาอยู่กับหลวงปู่สรวง ไปๆมาๆและไปกับหลวงปู่สรวงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ก่อนปี 2537 แต่ก่อนเคราจะไม่เป็นแบบนี้เคราจะห้อยกระจายลงมา พอดีมีครูบาอาจารย์ได้มาบอกว่าทำไมไม่ตัดอาตมาภาพจึงได้กราบนมัสการไปว่าไม่สามารถตัดได้ อาตมาภาพขอเคราเอาไว้เพราะว่าได้ให้สัจจะวาจากับครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือที่ได้ยินมา ซึ่งเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลอาตมาภาพได้อธิฐานว่าหากจะมาอยู่จริงก็ขอให้มัดเคราติดกัน ตั้งแต่นั้นมา เคราก็มัดติดกันจึงได้เอาไว้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไว้เครายาวได้ประมาณ 30 ปีแล้ว ซึ่งการไว้เครานี้ไม่ได้ทำอะไรให้พุทธศาสนาเสียหาย ก็อยู่ตามธรรมชาติของพระสงค์มีสัจจะวาจากับเขาว่าอย่างนั้นนะ อาตมภาพเคยเอาเคราออกนิดหนึ่งปรากฏว่าทำให้ป่วยสามวัน จึงไม่แตะต้องเคราอีกเลย คนเราต้องรักษาสุขภาพยิ่งอาตมาภาพอยู่ในป่าจึงจะต้องดูแลตนเอง จากนั้นก็ไม่ตัดเคราอีกเลยจึงได้อยู่มาอย่างนี้ จนถึงปัจจุบันนี้ขณะนี้ได้ 30 กว่าพรรษาแล้ว/

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ