น.ส.ละอองดาว  ขาวผ่อง อายุ 30 ปี อาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง  อยู่ที่  2/8 ม.6 ต.ลำไทร  อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี  ได้ร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าวว่าวันที่ 6 ธันวาคม 2565 เวลา 11.35 น. ตนได้ลืมกระเป๋าเงินไว้บนฝากระโปรงท้ายรถขณะขับรถเก๋งออกจากศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้าง ไทวัสดุ คลอง 7  ต.ลำลูกกา  อ.ลำลูกกา  จ.ปทุมธานี  ในระหว่างขับขี่กระเป๋าเงินที่วางไว้บนฝากระโปรงท้ายรถได้หล่นบนท้องถนน (ฝั่งขาออก) ภายในกระเป๋ามีบัตร ATM ของธนาคาร 3 ธนาคาร มี ตั๋วจำนำทอง  บัตรบัตรประจำตัวคนพิการของลูกชายและเงินสดอีกประมาณ 8,000 บาทซึ่งเก็บไว้รักษาอาการป่วยของลูกชาย จึงวอนสื่อมวลชนให้ช่วยนำเสนอข่าวเพื่อช่วยติดตามผู้ที่เก็บกระเป๋าเงินเนื่องจากเงินสดเหล่านั้นจะเก็บไว้เพื่อรักษาลูกชายที่ป่วยพิการวัย 6 ขวบ

โดยมีภาพจากวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ว่ามีคนที่เก็บกระเป๋าเงินของ น.ส.ละอองดาว  ขาวผ่อง เป็นชายสวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าเป้สีน้ำเงิน  ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบสีดำและขับขี่ขับรถจักรยายนต์ห้อ ฮอนด้า MSX สีแดงดำ เบื้องต้นได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ลำลูกกา แล้วและวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ช่วยเร่งติดตามทีบุคคลดังกล่าวทีเนื่องจากตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

 จากการสอบถาม น.ส.ละอองดาว  ขาวผ่อง  กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุนั้นตนได้มาซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างในศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้างแห่งนี้เพื่อเอาไปใช้ในงานที่รับเหมาไว้  พอซื้อเสร็จก็ยกของอุปกรณ์ก่อสร้างนั้นมายังรถเก๋งของตน   ขณะกำลังยกอุปกรณ์ก่อสร้างเก็บภายในรถเก๋งก็รู้สึกว่ายกของไม่ถนัดมือ  จึงได้วางกระเป๋าเงินที่ถือนั้นไว้ที่บริเวณฝากระโปรงท้ายรถเก๋ง  จากนั้นตนก็ยกของเข้ารถและกระโปรงท้ายรถเก๋งตามปกติจนเสร็จและได้ลืมไปว่าได้วางกระเป๋าเงินนั้นไว้ที่ฝากระโปรงท้ายรถเก๋งและขับรถออกมาจากศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้างนั้นทันที  พอถึงระหว่างทางก็นึกขึ้นได้จึงไปดูกระเป๋าเงินที่วางไว้แต่ไม่พบจึงเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ลำลูกกา และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพามาดูภาพวงจรปิดบริเวณศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้างดังกล่าว ก็พบว่ามีชายสวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าเป้สีน้ำเงิน  ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบสีดำและขับขี่ขับรถจักรยายนต์ห้อ ฮอนด้า MSX สีแดงดำขับรถมาและมาเก็บกระเป๋าเงินของตนไป 

 ตนยอมรับกับเหตุการณ์นี้ที่ตนสับเพร่าและรีบเกินไปจนลืมกระเป๋าเงินไว้ฝากระโปรงหลังรถเก๋งและขับรถเก๋งออกไปโดยที่ไม่ตรวจสอบให้ดีจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น  มันเป็นความผิดพลาดขอองตนเองและไม่ได้โทษคนที่เก็บกระเป๋าเงินได้  แต่ตนเพียงอยากให้ผู้เก็บกระเป๋ษเงินได้นั้นเห็นใจตนทั้ง 2 แม่ลูกที  เนื่องจากในกระเป๋าเงินนั้นมีบัตรคนพิการและบัตรของโรงพยาบาลของลูกชายที่ตนพาไปรักษาเป็นประจำ ซึ่งเงิน 8,000 บาทที่อยู่ในกระเป๋าตนก็เก็บเอาไว้เพื่อรักษาอาการป่วยจากการพิการลูกชายวัย6 ขวบที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งติดตามบุคคคลดังกล่าวนี้ที  เนื่องจากตอนนี้ตนและลูกชายเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

ภาพ-ข่าว ธัชนนท์ พิริยะกุลชัย จ.ปทุมธานี