ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า น.ส.กิตติยา  มากสวี อายุ 37 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ 1 (บ้านนาเหรียง) ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร มีฐานะทางบ้านยากจน บ้านที่อยู่อาศัยผุพังไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ซ้ำยังต้องดูลูกน้อย 2 คนและสามีที่ป่วยนอนติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้  โดยผู้เป็นภรรยามีรายได้จากการ  ตัดลอกใบจากส่งขายได้เงินไม่ถึงสองพันบาทต่อเดือน  โดยติดต่อผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นสื่อกลางให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือ

หลังได้รับแจ้งผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนติดต่อไปยังนายศิลปชัย  เรือนสูง  นายอำเภอสวี จ.ชุมพร  และคณะพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชาต  จันทร์สำเร็จ  ผกก.สภ.นาสัก   และตำรวจสภ.สวี   นายวิชัย  สุดสวาสดิ์ (สจ.)สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร อำเภอสวี เขต 1   น.ส.กันยา  เมืองสวี  รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครน   นางพยอม  กรแก้ว ปลัดอำเภอสวี    นายสุเทพ  จันทร์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียบบ้านคู และคณะครู  โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเดินทางลงพื้นที่

โดยบ้านหลังดังกล่าวอาศัยปลูกอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันสภาพทางเข้าบ้านเป็นถนนซอยเล็กๆ  พบน.ส.กิตติยา หรือเอิง  กำลังดูแลนายสายัณห์  ปิ่นทอง อายุ 49 ปี สามีที่ป่วยติดนอนติดเตียงอยู่ภายในเต้น  ซึ่งตั้งเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว โดยมีลูกสาววัย 9 ปี และลูกชาย วัย 6 ปี วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ห่างจากที่เต้นพักเล็กน้อยพบบ้านสภาพเอียงเอนใกล้ล้ม มุงหลังคาด้วยสังกะสีเก่าๆรั่วเป็นสนิม   กั้นฝาบ้านด้วยผ้ายางและแผ่นไม้ผุพังไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เกรงเกิดอันตรายล้มทับ

น.ส.กิตติยา หรือ เอิง เล่าว่า  เมื่อประมาณ 9 เดือนก่อน เกิดฝนตกหนักมีพายุลมพัดแรง ทำให้หลังคาบ้านพังเสียหาย สามีจึงร้องขอกระเบื้องหลังคาจาก อบต.ครน มาซ่อมแซม แต่ไม่ทันได้ซ่อมเกิดลื่นพลัดตกหลังคาบ้านสูงประมาณ 5 เมตร ทำให้มีอาการเจ็บปวดบริเวณหลังและสะเอว จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลใช้สิทธิ์ 30 บาท พออาการเริ่มดีขึ้นจึงกลับบ้าน หลังจากนั้น 4-5 วันมีอาการเจ็บและชาตั้งแต่สะเอวจนถึงปลายเท้าไม่มีความรู้สึกตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน

ขณะนี้ความเป็นอยู่ลำบาก เมื่อสามีซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวป่วยติดเตียง ตนต้องรับภาระเลี้ยงดูสามีและลูกชาย วัย 6 ปีและลูกสาววัย 9 ปี ทั้งคู่เรียนอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้าน โดยตนมีรายได้จากการไปตัดต้นจากริมคลองซึ่งอยู่ห่างไกลบ้านมากไปนานก็ไม่ได้เป็นห่วงทางบ้าน นำต้นจากมาลอกเอาใบตากแห้งส่งขายร้านค้ามีรายได้ไม่พอใช้เฉลี่ยเดือนละไม่ถึงสองพันบาท  ก่อนหน้านี้ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านและอบต.ครน นำปูน อิฐมาให้บ้างแล้วแต่ไม่มีเงินสร้างบ้าน ได้เงินจากผู้ใหญ่บ้าน 500 บาทต้องเอาไปจ่ายให้กับไฟแนนท์รถจักรยายนต์ที่ไปจำนองจำนำไว้นอกจากนี้ยังค้างค่าน้ำและค่าฌาปนกิจหมู่บ้านเป็นเงินหลายพันบาท

 ด้านนายศิลปชัย  เรือนสูง  นายอำเภอสวี เบื้องต้นได้มอบถุงยังชีพของใช้จำเป็นแก่  น.ส.กิตติยา พร้อมทั้งควักเงินส่วนตัวมอบให้ 1,000 บาทด้วย  ส่วนพ.ต.อ.อภิชาต  จันทร์สำเร็จ  ผกก.สภ.นาสัก  และ ตำรวจสภ.สวี  มอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อน ทั้งนี้คณะที่เดินทางมาเยี่ยมต่างให้กำลังใจน.ส.กิตติยา นับเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตมีความอดทน 

 นายอำเภอสวี กล่าวว่า “หลังจากทราบปัญหาครอบครัวดังกล่าวแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไปหน่วยงานทุกภาคส่วนจะขับเคลื่อนให้การช่วยเหลือ ก่อนอื่นจะสนับสนุนด้านอาชีพเพื่อความยั่งยืนของรายได้โดยส่งเสริม เลี้ยงเป็ด ไก่ ปลูกผักและช่วยเหลือด้านวัตถุดิบงานที่ทำอยู่แล้วคือลอกใบจากส่งขาย  ส่วนลูกน้อยทั้งสองคนผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคู ซึ่งก่อนหน้านี้รับไปดูแลเรื่องการศึกษาอยู่แล้ว ส่วนผู้ป่วยได้รับความเมตตาหมอนวดเส้นจากโครงการพระบรมราชินี จนอาการดีขึ้น  เรื่องการก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัยผู้นำชุมชนและสจ.พร้อมให้การช่วยเหลือ” นายอำเภอสวี กล่าว

สำหรับผู้มีจิตกุศลต้องการร่วมบริจาคสิ่งของหรือทุนการศึกษาบุตรครอบครัวน.ส.กิตติยา  มากสวี หรือเอิงสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 092-4096332 หรือโอนเงินผ่านบัญชีหมายเลข  8230228361 ธนาคารกรุงไทย สาขาสวี 

ภาพพ-ข่าว ประสิทธิ์ ลีฬหคุณากร /ชุมพร