ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ ผู้ว่าราชการ จ.พะเยา น.ต.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จ.เชียงราย แถลงข่าวการส่งผลผลิตลิ้นจี่จาก ต.แม่สุก อ.แม่ใจ จ.พะเยา ขนส่งทางอากาศผ่านท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เพื่อนำไปส่งที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 2,310 กิโลกรัม  ซึ่งทาง จ.พะเยา โดยสหกรณ์จังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านเครือข่ายระบบสหกรณ์ส่งผลผลิตไปให้กับสหกรณ์การเกษตรเมืองภูเก็ต จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ภูเก็ต จำกัด และสหกรณ์การเกษตรเมืองถลาง จำกัด โดยมีบริษัทยูนิเวอร์แซล แอร์คาโก โซลูชั่น จำกัด (UACS) ให้การสนับสนุนเรื่องการขนส่ง  

นายศักดิ์ฤทธิ์ กล่าวว่า จ.พะเยา เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการให้ผลผลิตลิ้นจี่คุณภาพดีเพราะมีเทือกเขาและมีความอุดมสมบูรณ์ โดยผลลิ้นจี่ที่ได้มีเนื้อหนา เปลือกบางและหวานหอมอร่อย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเกษตรกรมักประสบกับปัญหาการเก็บรักษาเพราะเป็นผลไม้ที่มีอายุการเก็บสั้นจึงต้องรีบบริโภค ดังนั้นทางจังหวัดจึงได้อาศัยเครือข่ายสหกรณ์ในการหาตลาดที่ต้องการและนำส่งไปทางเครื่องบินที่มีความรวดเร็วโดยใช้เวลาขนส่งจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ไปยัง จ.ภูเก็ต เพียงประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงจุดบริโภคได้ และหากว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถนำไปขยายการตลาดผลไม้ภาคเหนือได้ เช่น จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่  ที่ต่างมีผลผลิตผลไม้จำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้ถัดจากลิ้นจี่คือลำไย  

ด้าน น.ต.สมชนก กล่าวว่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มุ่งพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าหรือฮับ คาโก้ ทั้งใน จ.เชียงราย จ.พะเยา และ จ.เชียงใหม่ บางส่วนทางด้าน อ.แม่อาย อ.ฝาง  โดยครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นเชื่อมจาก จ.พะเยา ไปยัง จ.ภูเก็ต เป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากนั้นในอนาคตก็จะขยายผลต่อไปรวมไปถึงเชื่อมการขนส่งจากภาคเหนือ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะพื้นที่มีความพร้อมเนื่องจากการบินไม่แออัดเกินไป มีสถานที่คลังสินค้า การรักษาความปลอดภัย  โดยมีสายการบินซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 32 เที่ยวบินต่อวัน และ 5 สายการบิน นอกจากนี้ในปัจจุบันกระแสความนิยมหลังเกิดการะบาดของไวรัสโควิด-19 คือการขนส่งทางอากาศหรือแอร์คาโก้ เพราะการขนส่งลักษณะนี้ไม่ใช่การขนส่งคนที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโรคด้วย

ภาพ-ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย