คณะกรรมการการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย จัดประชุมหารือ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหารือถึงปัญหาการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว  เพื่อนำปัณหาดังกล่าวเตรียมเสนอคณะกรรมการฯ-สภาหอการค้าไทย เพื่อหาแนวทางแก้ไข  ซึ่งมีกำหนดเดินสายหารือถึงปัญหา-แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือไล่ตั้งแต่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา และเชียงราย ระหว่างวันที่ 18-20 ม.ค.นี้

โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันหารือ  ถึงประเด็นปัณหาการพัฒนาการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่อำเภอชายเเดนที่กำลังซบเซา   และปัณหากรณีด่านพรมแดนต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย  ซึ่งปัจจุบันเปิดให้มีการขนส่งสินค้าได้เพียง 3 จุดเท่านั้น คือ สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน   และสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ ตรงข้ามแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว   

ขณะที่การพัฒนาด่านพรมแดน ทางด้าน อ.เชียงของ พบว่าศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเพื่อรองรับการนำเข้าและส่งออกนั้นไม่มีเอกชนรายใดประมูลใช้งาน เนื่องจากมีศูนย์เปลี่ยนถ่ายใน สปป.ลาว ทั้งที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และเมืองบ่อเต็น-โมฮาน ของ สปป.ลาว

ทางด้านด่านพรมแดนทางบกที่เปิดทั้ง 2 จุด ก็พบว่ามีปัญหาเรื่องความแออัด  และด่านพรมแดนทางเรือแม่น้ำโขงก็ยังคงซบเซาเนื่องจากทางการจีนยังปิดท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีน สปป.ลาว ก็ปิดท่าเรือของตนตลอดแนว และล่าสุดชนกลุ่มน้อยในเมียนมาก็ปิดท่าเรือสบหรวยอีก ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวกันอย่างหนัก ฯลฯ         

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอฯเชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย กล่าวว่าสภาพของด่านสะพานลำน้ำสายแห่งที่ 2 เป็นไปด้วยความแออัด ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดในเมียนมา ซึ่งจะทำให้มีรถขนสินค้าเพิ่มขึ้นวันละนับ 100 เที่ยว จากเดิมที่มีวันละประมาณ 40-50 คัน ยังไม่รวมรถขนอาหารสดขนาดเล็กอีกวันละกว่า 300 คัน ซึ่งภาคเอกชนได้หารือเบื้องต้นกับทางการท้องถิ่นเมียนมาแล้ว ต่างเห็นพ้องกับการให้เปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 เพื่อช่วยลดความแออัดของการนำเข้าและส่งออกระหว่างไทยกับเมียนมา   ภายใต้มาตรการป้องกันโควิดอย่างเข้มงวด   ซึ่งทางหอการค้า จ.เชียงราย ก็เคยมีการเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทย ขอให้เปิดสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย แต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยยังไม่อนุมัติ

 รองประธานหอฯเชียงราย กล่าวอีกว่าแม้จะมีการปิดพรมแดน แต่ไทยควรมีการเตรียมความพร้อม  เตรียมตัวเพื่อรองรับการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง เพราะปัจจุบันทางการ สปป.ลาว  กำลังมีโครงการสร้างถนนโทเวย์คู่ขนานกับถนนอาร์สามเอ ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานจะเห็นความชัดเจน นอกจากนี้ทางจีนและ สปป.ลาว ยังสร้างถนนเลียบแม่น้ำโขงจากเมืองหล้า มณฑลยูนนาน -เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงข้าม อ.เชียงแสน ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร คาดว่าอีก 3-4 เดือนก็จะแล้วเสร็จ รวมทั้งสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ด่านปางมอน เมืองคอบ แขวงไซยะบุรี ที่สามารถเชื่อมกับด่านบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา ก็สร้างเสร็จแล้วเพียงแต่รอการเปิดใช้งานเท่านั้น ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีการปิดพรมแดน

ภาพ-ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์ จ.เชียงราย