เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีฐานปฏิบัติการทางทางทหารใกล้กับห้วยตามาเรีย ชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างด้านทิศตะวันตกปราสาทพระวิหาร ไปยัง ภูมะเขือ ทหารชุดลาดตระเวนกองทัพภาคที่ 2 ออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงเวลา 09.30 น. ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดจำนวน 4 นาย คือ กำลังพลปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรอบฐานปฏิบัติการ ห้วยตามาเรีย ได้เหยียบทุ่นระเบิด ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ตำแหน่งสนาม ผบ.มว.ปล. ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาขาด พลฯ วชิระ พันธะนา ตำแหน่งในสนาม พลกระสุนที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ โดนแรงอัดระเบิด พลฯ อภิรักษ์ ศรีชมไชย ตำแหน่งในสนาม พลยิง M203 ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่น่องขาขวา จำนวน 2 จุด และพลฯ อนุชา สุจารี ตำแหน่งในสนาม พลปืนเล็ก ได้รับบาดเจ็บ ฝุ่นหรือสารเคมีจากระเบิดเข้าตา ทีมแพทย์ทหารเข้าทำการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งทหารบาดเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ส่วน จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้นำส่งทางเฮลิคอปเตอร์ไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แล้ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นทหารรายที่ 7 แล้วที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด หลังจากช่วงเหตุการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่ติดตามข่าวสารทหารได้รับบาดเจ็บ ผ่านสื่อโชเชียลมีเดียต่างมีความโกรธแค้น ทหารกัมพูชา ออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆ นาๆ โดยเสียงสะท้อนออกมาคือ กัมพูชาไว้ใจไม่ได้ ไทยต้องรีบจัดการให้เด็ดขาด เกี่ยวกับเรื่องทุ่นระเบิด อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ฝั่งเขาพระวิหาร หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนเมื่อไม่นานนี้ สร้างความตกใจและเศร้าโศกให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ความสงบ และประชาชนบางส่วนเพิ่งกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ก่อนหน้านี้ พื้นที่บ้านภูมิซรอลเคยเป็นหนึ่งในจุดเฝ้าระวังสำคัญจากเหตุความตึงเครียดบริเวณเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพหนีภัยและหยุดประกอบอาชีพมานานหลายเดือน แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายลงในระยะหลัง ชาวบ้านต่างทยอยกลับเข้ามาในพื้นที่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง บางครอบครัวกลับมาทำนา เก็บเกี่ยวผลผลิต และตากข้าวอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ข่าวการเหยียบกับระเบิดของทหารในพื้นที่กลับสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวขึ้นอีกครั้ง หลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะเพิ่งจะร่ำลากับทหารบางนายที่เพิ่งกลับบ้านไปได้ไม่นาน
นางสุวรรณี ปัทมะ อายุ 68 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล เปิดเผยทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า รู้สึกเสียใจและสงสารทหารที่ต้องมาประสบเหตุ เพราะก่อนหน้านี้เคยได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกันว่า “อย่าให้มีขาที่ 7 อีกเลย” หมายถึงผู้ที่เสียขาจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ ซึ่งครั้งนี้กลับเกิดเหตุซ้ำอีกจนเธอรู้สึกหวาดกลัวและไม่มั่นใจในความปลอดภัยของชีวิต ช่วงนี้เหตุการณ์เริ่มสงบแล้ว เราก็เริ่มกลับมาทำนา ทำงานไปก็กลัวไปด้วย แต่ก็ต้องอยู่ให้ได้ พอรู้ข่าวทหารเหยียบกับระเบิดอีก ใจมันหายเลยค่ะ สงสารเขามาก เพราะเมื่อวานยังมาพูดคุยล่ำลากันอยู่เลย ถึงแม้ในพื้นที่จะมีทหารอยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าไม่มี เพราะถือว่าเป็นกำลังหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยของชาวบ้าน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องหรือเสียงฝนตก ก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น เพราะเสียงเหล่านั้นคล้ายเสียงปืนในช่วงเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา จึงยังหวังเพียงว่าทั้งสองฝ่ายจะยุติความขัดแย้งอย่างถาวร เพื่อให้ประชาชนได้ทำมาหากินอย่างปลอดภัย
ขณะที่ นางอ้วน ชิตวงศ์ อายุ 82 ปี ชาวบ้านอีกคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งเฝ้าข้าวที่ตากอยู่ บอกกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า รู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อทราบข่าว และอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะต้องอพยพหนีอีกครั้ง ได้ยินข่าวแล้วตกใจมาก กลัวว่าจะรบกันอีก ต้องเตรียมเก็บของหนีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขมรมันไม่เคยไว้ใจได้ คนไทยเราก็ใจดีเกินไป ทำให้เขามาหลอกได้บ่อย ๆ อยากให้สถานการณ์กลับมาสงบโดยเร็ว เพราะเพิ่งเริ่มกลับมาทำมาหากินหลังจากต้องหยุดมานาน
@chaijexu ศรีสะเกษ ชาวบ้านชายแดนหลั่งน้ำตา สงสารทหารเหยียบกับระเบิด หวั่นเหตุปะทะกลับมาอีก เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีฐานปฏิบัติการทางทางทหารใกล้กับห้วยตามาเรีย ชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างด้านทิศตะวันตกปราสาทพระวิหาร ไปยัง ภูมะเขือ ทหารชุดลาดตระเวนกองทัพภาคที่ 2 ออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงเวลา 09.30 น. ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดจำนวน 4 นาย คือ กำลังพลปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรอบฐานปฏิบัติการ ห้วยตามาเรีย ได้เหยียบทุ่นระเบิด ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ตำแหน่งสนาม ผบ.มว.ปล. ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาขาด พลฯ วชิระ พันธะนา ตำแหน่งในสนาม พลกระสุนที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ โดนแรงอัดระเบิด พลฯ อภิรักษ์ ศรีชมไชย ตำแหน่งในสนาม พลยิง M203 ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่น่องขาขวา จำนวน 2 จุด และพลฯ อนุชา สุจารี ตำแหน่งในสนาม พลปืนเล็ก ได้รับบาดเจ็บ ฝุ่นหรือสารเคมีจากระเบิดเข้าตา ทีมแพทย์ทหารเข้าทำการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งทหารบาดเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ส่วน จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้นำส่งทางเฮลิคอปเตอร์ไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แล้ว จากเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นทหารรายที่ 7 แล้วที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด หลังจากช่วงเหตุการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่ติดตามข่าวสารทหารได้รับบาดเจ็บ ผ่านสื่อโชเชียลมีเดียต่างมีความโกรธแค้น ทหารกัมพูชา ออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆ นาๆ โดยเสียงสะท้อนออกมาคือ กัมพูชาไว้ใจไม่ได้ ไทยต้องรีบจัดการให้เด็ดขาด เกี่ยวกับเรื่องทุ่นระเบิด อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ฝั่งเขาพระวิหาร หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนเมื่อไม่นานนี้ สร้างความตกใจและเศร้าโศกให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ความสงบ และประชาชนบางส่วนเพิ่งกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ก่อนหน้านี้ พื้นที่บ้านภูมิซรอลเคยเป็นหนึ่งในจุดเฝ้าระวังสำคัญจากเหตุความตึงเครียดบริเวณเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพหนีภัยและหยุดประกอบอาชีพมานานหลายเดือน แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายลงในระยะหลัง ชาวบ้านต่างทยอยกลับเข้ามาในพื้นที่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง บางครอบครัวกลับมาทำนา เก็บเกี่ยวผลผลิต และตากข้าวอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ข่าวการเหยียบกับระเบิดของทหารในพื้นที่กลับสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวขึ้นอีกครั้ง หลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะเพิ่งจะร่ำลากับทหารบางนายที่เพิ่งกลับบ้านไปได้ไม่นาน นางสุวรรณี ปัทมะ อายุ 68 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล เปิดเผยทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า รู้สึกเสียใจและสงสารทหารที่ต้องมาประสบเหตุ เพราะก่อนหน้านี้เคยได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกันว่า “อย่าให้มีขาที่ 7 อีกเลย” หมายถึงผู้ที่เสียขาจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ ซึ่งครั้งนี้กลับเกิดเหตุซ้ำอีกจนเธอรู้สึกหวาดกลัวและไม่มั่นใจในความปลอดภัยของชีวิต ช่วงนี้เหตุการณ์เริ่มสงบแล้ว เราก็เริ่มกลับมาทำนา ทำงานไปก็กลัวไปด้วย แต่ก็ต้องอยู่ให้ได้ พอรู้ข่าวทหารเหยียบกับระเบิดอีก ใจมันหายเลยค่ะ สงสารเขามาก เพราะเมื่อวานยังมาพูดคุยล่ำลากันอยู่เลย ถึงแม้ในพื้นที่จะมีทหารอยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าไม่มี เพราะถือว่าเป็นกำลังหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยของชาวบ้าน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องหรือเสียงฝนตก ก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น เพราะเสียงเหล่านั้นคล้ายเสียงปืนในช่วงเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา จึงยังหวังเพียงว่าทั้งสองฝ่ายจะยุติความขัดแย้งอย่างถาวร เพื่อให้ประชาชนได้ทำมาหากินอย่างปลอดภัย ขณะที่ นางอ้วน ชิตวงศ์ อายุ 82 ปี ชาวบ้านอีกคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งเฝ้าข้าวที่ตากอยู่ บอกกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า รู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อทราบข่าว และอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะต้องอพยพหนีอีกครั้ง ได้ยินข่าวแล้วตกใจมาก กลัวว่าจะรบกันอีก ต้องเตรียมเก็บของหนีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขมรมันไม่เคยไว้ใจได้ คนไทยเราก็ใจดีเกินไป ทำให้เขามาหลอกได้บ่อย ๆ อยากให้สถานการณ์กลับมาสงบโดยเร็ว เพราะเพิ่งเริ่มกลับมาทำมาหากินหลังจากต้องหยุดมานาน จิรภัทร หมายสุข ศรีสะเกษ
♬ เสียงต้นฉบับ – TONGJUDKADHAD NEWS – TONGJUDKADHAD NEWS
จิรภัทร หมายสุข ศรีสะเกษ