ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดสันโค้ง ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นายประสพ บุษราคัม หัวหน้าพรรคเพื่อบ้านเมือง ประธานเปิดการประชุมจัดตั้งพรรคเพื่อบ้านเมือง (พบม.) ลำดับที่ 2 จ.เชียงใหม่(ภาคเหนือตอนบน) หลังจากเปิดตัวพรรคไปที่ภาคอีกสานแล้ว ก่อนการประชุม นายประสพ ได้นำแสดงความอาลัย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แสดงความอาลัยถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเข้าพรรคเพื่อบ้านเมืองและคณะ จากนั้นยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที ตามด้วยเปิดการประชุม โดยมีสมาชิกพรรค พบม. เป็นชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ประมาณ 200 คน
นายประสพ บุษราคัม หัวหน้าพรรคเพื่อบ้านเมือง กล่าวกับชาวบ้านในช่วงเปิดการประชุม ว่า ตนเป็นนักกฎหมาย เป็นนักการเมือง 6 สมัย เป็นประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ เคยเป็น รมช.เกษตรฯ รอเวลาที่จะเป็นหัวหน้าพรรคมานาน 50 ปี เคยทำงานกับ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช และพลเอกชาติชาย ชุณะวัณ และเคยทำงานกับอดีตนายทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว วันนี้พร้อมเป็นหัวหน้าพรรค และตั้งพรรคเมื่อวันที่ 7 ต.ค.68 นี้ ชื่อพรรคเพื่อบ้านเมือง หรือ พบม. เกิดมาได้จากมีป้าคนหนึ่งให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ย้ำ “ทำงานเพื่อบ้านเมือง” เลยเป็นที่มาของการก่อตั้งพรรคเพื่อบ้านเมือง (พบม.)
ในที่ประชุมมี นายพนพภณษฏ์ ทองคำ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1, นายสำเร็จพลณ์ทวีธ์ รุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2 พร้อม ร้อยตรี รักชาติ อินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 6 ผู้รับผิดชอบจัดประชุม จัดตั้งสาขาพรรค พบม.ลำดับที่ 2, นายราเชนทร์ ศิวะเสาร์แก้ว เลขาธิการพรรค, นายชาตินักรบ อินสอน ผู้อำนวยการพรรค พบม. ลำดับที่ 2 จ.เชียงใหม่ (ภาคเหนือตอนบน) เข้าร่วมประชุมแถลงนโยบายของพรรคกับชาวบ้าน จากนั้น นายประสพ บุษราคัม หัวหน้าพรรค พบม. กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า จากผลงานการทำงานด้านกฎหมาย จึงมาตั้งพรรค พบม. เน้นนโยบายปลดหนี้ให้เกษตรกร สร้างรายได้ สร้างอาชีพที่มั่นคง โดยสร้างสวัสดิการให้ประชาชนเป็นต้น
“ผมจะแก้ไขปัญหาในอดีต กว่า 100 ปี แก้ไขปัญหาปัจจุบัน ปราบปรามนักการเมืองทุจริต ปราบปรามยาเสพติด หากจับได้ที่ไหนเผาทำลายที่นั้นทันที การทำงานจะเน้นบังคับใช้กฎหมาย หากเข้าไปทำงานในสภาให้นักการเมืองเป็นผู้ร่างกฎหมาย ออกกฎหมายบังคับใช้ดำเนินคดีทันทีหากพบการกระทำผิด ไม่ทำประชานิยมขายฝันเพราะถือว่าทำผิดกฎหมาย จากที่พรรคการเมืองต่างๆนิยมใช้กันเท่าที่ผ่านมา”
นายประสพ กล่าวว่า “ใครๆก็มาถามผมว่า คุณประสพ ไม่มีอะไรเลย จะไปสู้กับ ตระกูลชิน ตระกูลชาญ ตระกูลจึง ได้หรือ.?. ผมบอกไปว่า หากการซื้อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเงิน ผมจะนอนกอดเมียอยู่ที่บ้าน หรือหากชาวบ้านขายสิทธิ์ขายเสียง ก็เท่ากับว่าชาวบ้านร่วมทำความผิดด้วย เพราะเงินซื้อเสียงขอให้คิดไว้ก่อนเลยว่า การนำเงินที่ผิดกฎหมายมาใช้ซื้อเสียงแน่นอน แต่การเมืองวันนี้ ผมมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในภาคอีสาน 133 คน ภาคเหนือ 17 จังหวัด จะมาช่วยหาเสียงโดยใช้นโยบายที่ทำได้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นที่จะหาเสียงให้พรรค พบม.“ ”หาก การหาเสียง โดยใช้เงิน เมื่อเงินหมด คนก็หาย หากใช้เหล้าเลี้ยงคน เมื่อเหล้าหมด คนก็หาย แต่หากการใช้นโยบายในการหาเสียงช่วยชาวบ้านได้ตามนโยบายก็จะได้เสียงจากประชาชนและชาวบ้านจะเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรค พบม. ของผม“
นายประสพ กล่าวอีกว่า วันนี้จะหาเสียงกับชาวบ้านโดยใช้ AI เพราะชาวบ้านกว่า 80% มีมือถือ ซึ่งประชาชนเขาไม่ได้โง่ เพียงแต่บางคนเขาไม่รู้ ก็นำเผยแพร่นโยบายข่าวสารให้ชาวบ้านเขาได้รู้และเขาใจเท่านั้น และผมเองก็เป็นลูกชาวนา พ่อเป็นครูประชาบาล แต่เมื่อเป็นนักการเมืองมา 6 สมัย เป็น รมช.เกษตรมาแล้ว เป็นประธานกรรมาธิการการต่างประเทศมาแล้ว และเป็นประธานสภาร่างประกันสังคม ปี 33 ที่ใช้อยู่ปัจจุบันมาแล้ว เมื่อทราบปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้ ก็หวังว่าจะได้เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค และเข้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านได้” นายประสพ หน.พรรค พบม. กล่าว
ทางด้านร้อยตรี รักชาติ อินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค พบม.คนที่ 6 (ดูแลผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่) กล่าวว่า วันนี้ตั้งสำนักงานพรรค พบม.อยู่สี่แยกไฟแดงบ้านใหม่ ต.ร้องวัวแดง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เปิดรับเรื่องราวร้องทุกจากชาวบ้าน 24 ชั่วโมง “ผม อดีตข้าราชการทหารประจำการอยู่ กทม.ย้ายมาสร้างครอบครัวที่เชียงใหม่ เคยสมัคร สจ.เชียงใหม่ และ สว.เมื่อครั้งที่ผ่านมา วันนี้ขออาสาลงสมัคร ส.ส.เขต อ.สันกำแพง และดูแลผู้สมัคร ส.ส.ใน จ.เชียงใหม่ทั้งหมด และมั่นใจจะหาผู้สมัครลงครบได้ทุกเขต หากรับสมัครเลือกตั้งที่จะมาถึง“ ร้อยตรีรักชาติ รองหัวหน้าพรรค พบม. คนที่ 6 กล่าว.