นายสยาม สกุณนา ชาวตำบลดงเจน อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา บุรุษผู้ได้รับฉายาจากชาวบ้านว่า นักปราบผึ้งป่า ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน และเป็นผู้พลิกชะตาชีวิตจากหนี้สินรุงรัง มาสู่ความสำเร็จด้วยการเลี้ยงผึ้งโพรงป่า จนสร้างรายได้ปีละหลักล้านบาท ย้อนกลับไปในช่วงวิกฤติชีวิต นายสยามเคยไม่มีเงินแม้กระทั่งส่งลูกไปโรงเรียน แต่เมื่อเห็นชาวบ้านหาน้ำผึ้งป่ามาขายได้ราคาขวดละ 200 บาท และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะ น้ำผึ้งเดือนห้า ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติหอมหวาน จึงจุดประกายให้เขาหันมาศึกษาและพัฒนาการเลี้ยงผึ้งป่าอย่างจริงจังจากชายผู้ไม่รู้เรื่องราวของผึ้ง กลายเป็นผู้ที่สามารถสัมผัสและอยู่ร่วมกับพวกมันได้อย่างใกล้ชิด โดยแทบไม่ต้องใช้ชุดป้องกัน
นายสยามเล่าว่าผมไม่ใช่เพียงเกษตรกร หากแต่คือผู้บุกเบิกเส้นทางใหม่ของการเลี้ยงผึ้งโพรงป่า สิ่งที่ทำให้ผมอยู่กับพวกมันได้ ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่คือประสบการณ์และหัวใจที่ผูกพันกับธรรมชาติ ผึ้งคือเพื่อนของเรา หากเราไม่ทำร้ายเขา เขาก็จะอยู่กับเราอย่างสงบปัจจุบันไม่เพียงสร้างรายได้จากน้ำผึ้งป่า แต่ยังรวมกลุ่มผู้เลี้ยงในชุมชน ถ่ายทอดความรู้และจัดอบรมเชิงปฏิบัติการที่ ม่อนปู่ยารักผึ้งป่า เพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืนแก่คนรุ่นใหม่ พร้อมย้ำถึงคุณค่าของผึ้งที่เป็นทั้ง ตัวช่วยผสมเกสรสำคัญในระบบนิเวศ และเป็น ทางเลือกใหม่ทางเศรษฐกิจ ที่ลดการพึ่งพาสารเคมีด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ แม้เส้นทางเต็มไปด้วยความเสี่ยงและความเจ็บปวด วันนี้ นักปราบผึ้งป่า ได้กลายเป็น ตำนานมีชีวิต บุรุษผู้พลิกชีวิตจากหนี้สินและความสิ้นหวัง สู่ต้นแบบของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนที่ยังแสวงหาโอกาสในชีวิต
ภาพ-ข่าว ปัณณวิชญ์ อยู่ดี จ.พะเยา