ที่บริเวณศาลหลักเมืองอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งเขาพระวิหาร ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาและบายศรีสู่ขวัญ ภายใต้โครงการ “วัฒนธรรม ฟื้นฟูหัวใจ สร้างกำลังใจพี่น้องชายแดน – พิธีทางศาสนา ดนตรีพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง สานสายใยพี่น้องชายแดน” เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในพื้นที่ สร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทของสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งการฟื้นฟู เยียวยาจิตใจ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา มีนายประหยัด ถิลา วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน


ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดนำประกอบพิธีบูชาศาลหลักเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดและประชาชน โดยมีการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ต่อด้วยพระสงฆ์จำนวน 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเสริมสร้างพลังศรัทธาและความสงบทางใจ หลังจากนั้นเป็นการแสดงปาฐกถาธรรม ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความรัก ความสามัคคี และการก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมทั้งนำผู้เข้าร่วมงานเจริญจิตภาวนาเพื่อความผ่อนคลายและสร้างพลังใจร่วมกัน หลังจากนั้น ได้ประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นพิธีกรรมพื้นบ้านที่มีความหมายลึกซึ้ง ดำเนินการโดยพราหมณ์ทำพิธีเชิญขวัญและผูกข้อมือแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเยียวยา ฟื้นฟูจิตใจ ภายในงานยังมีการแสดงรำบายศรีสู่ขวัญ และการแสดงดนตรีพื้นบ้านที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดศรีสะเกษ ขณะเดียวกันมีการเสวนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูจิตใจของพี่น้องชายแดน และซุ้มอาหารพื้นเมืองให้ผู้เข้าร่วมได้เยี่ยมชมและลิ้มรสอาหารท้องถิ่น สะท้อนภูมิปัญญาและวิถีชีวิตดั้งเดิม


นายประหยัด ถิลา วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนได้สร้างความบอบช้ำทั้งด้านร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ ภูสิงห์ และขุนหาญ ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงในชีวิตประจำวัน กระทรวงวัฒนธรรมจึงเล็งเห็นความสำคัญในการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือบำบัด เยียวยา และฟื้นฟูความเข้มแข็งทางจิตใจของพี่น้องชายแดน โดยโครงการครั้งนี้มีการจัดกิจกรรมรวม 3 ครั้ง เริ่มที่อำเภอกันทรลักษ์ ตามด้วยอำเภอภูสิงห์ และอำเภอขุนหาญ โดยแต่ละครั้งจะมีทั้งพิธีกรรมทางศาสนา พิธีบายศรีสู่ขวัญ การเจริญพระพุทธมนต์ การแสดงศิลปะวัฒนธรรม และการสาธิตอาหารพื้นถิ่น เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่น เป็นพลังใจแก่ประชาชน

นอกจากนี้ จังหวัดศรีสะเกษยังได้บูรณาการโครงการดังกล่าวกับเทศกาลดนตรีสร้างสรรค์ “ศรีสะเกษเมืองสร้างสรรค์ มหัศจรรย์เสียงดนตรี” ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพด้านดนตรีของจังหวัด เปิดโอกาสให้ศิลปินท้องถิ่นและเยาวชนจากสถานศึกษา ได้นำเสนอผลงานทั้งดนตรีพื้นบ้านและดนตรีร่วมสมัย เชื่อมโยงรากวัฒนธรรมกับการสร้างสรรค์สมัยใหม่ ต่อยอดสู่การพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษให้พร้อมสมัครเข้าร่วมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรีขององค์การยูเนสโก โดยภายในงานยังมีการแสดงดนตรีโดยนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ และโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนที่มาร่วมงานอย่างอบอุ่น

นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า โครงการครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อเยียวยาจิตใจประชาชน สร้างรอยยิ้มและกำลังใจให้กับพี่น้องชายแดน พร้อมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการยกระดับศรีสะเกษสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรีตามมาตรฐานยูเนสโก และผลักดันให้ศิลปะ วัฒนธรรม และดนตรีเป็นพลัง Soft Power ที่ช่วยพัฒนาจังหวัดอย่างยั่งยืน วันนี้เราไม่ได้เพียงจัดกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเป็นการเยียวยาจิตใจให้กับพี่น้องชายแดนให้ผ่านความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้น โดยใช้กิจกรรมทั้งหมดนี้เป็นการเยียวยาจิตใจให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป/
จิรภัทร หมายสุข ศรีสะเกษ