ที่ มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสมบัติ (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี พาน้องพลอย (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี หลานสาว เดินทางเข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และนางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิฯ หลังเมื่อ 6 ปีก่อน ขณะหลานสาวซึ่งเรียนอยู่ชั้น อ.3 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.อุบลราชธานี ได้ถูกนักเรียนในโรงเรียนเดียวกันล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งต่อมาศาลได้พิพากษาให้ผู้ปกครองของเยาวชนที่ก่อเหตุทั้ง 2 คน รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบและจ่ายค่าสินไหมทดแทน แต่ทางกระทรวงฯกลับเมินเฉย ไม่ทำตามคำตัดสินของศาลฎีกา จึงอยากมาร้องขอความเป็นธรรมและวอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เด็กนักเรียนด้วย

นายสมบัติ (นามสมมุติ) ปู่ของผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อปี 2561 ขณะหลานสาวของตนเรียนอยู่ชั้น อ.3 ถูกนักเรียนในโรงเรียนเดียวกันล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตอนแรกทางคุณครูไม่เชื่อ หลังจากนั้นตนได้เดินทางมาร้องทนายรณณรงค์ และได้มีข่าวออกไป ทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดจึงได้ติดต่อจ่ายเงินเยียวยา จำนวน 50,000 บาท ซึ่งตนคิดว่าเพียงพอแล้ว และอยากจบเรื่องนี้เพราะสงสารหลาน แต่ต่อมาทางผู้ปกครองของเยาวชนที่ก่อเหตุทั้ง 2 คน ได้มีการไปร้องเรียนที่โรงเรียน โดยมีคณะครูบอกว่าครอบครัวของตนทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง และนำใบร้องเรียนไปยื่นที่ศูนย์ดำรงธรรมกล่าวหาว่าตนแจ้งความเท็จ ตนจึงต้องสู้คดีโดยตั้งทนายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ต่อมาศาลฎีกาตัดสินคดี เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 ให้ผู้ปกครองของเยาวชนที่ก่อเหตุทั้ง 2 คน จ่ายค่าสินไหมทดแทน พร้อมดอกเบี้ย จำนวน 360,710.20 บาท และกระทรวงศึกษาธิการ จ่ายค่าสินไหมทดแทน พร้อมดอกเบี้ย จำนวน 112,200 บาท (จ่ายแทนคุณครูและโรงเรียน เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองเจ้าหน้าที่)

ทางผู้ปกครองของเยาวชนที่ก่อเหตุทั้ง 2 คน ยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ทั้งหมด แต่ทางกระทรวงศึกษาธิการยังไม่ยอมจ่าย ตนจึงได้คัดคำพิพากษาทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาไปที่สพป.เขต 3 ยื่นต่อผู้อำนวยการเขต มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้แทน พร้อมกับบอกว่าจะให้ความเป็นธรรมและเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งตนติดตามทวงถามครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้แต่คำตอบว่าให้รอกระบวนการการศึกษาฯ ตนสงสัยว่าทำไมถึงไม่ทำตามคำพิพากษาของศาล ทั้งที่คดีสิ้นสุดแล้ว ฝากถึงท่านนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตนมาทวงถามการรับผิดชอบตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ขอให้ดำเนินการตรวจสอบคณะครู โรงเรียนที่เกี่ยวข้อง และจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาด้วย เพราะครอบครัวของตนได้รับความเสียหาย หลานของตนบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่ยังเด็ก อยากให้ดูแลนักเรียนในสังกัด และมอบความเป็นธรรมให้กับเด็กๆด้วย ขอให้โรงเรียน สถานที่ศึกษา เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกับนักเรียนทุกคน

ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำคดีนี้เป็นคดีแรก ที่ฟ้องร้องกระทรวงหรือหน่วยงานราชการ กระทรวงหรือหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้เห็นว่าคนภายใต้บังคับบัญชากระทำความผิด เขาจะรับผิดชอบทันที ไม่ใช่มาแจ้งความผู้ปกครองนักเรียนกลับแบบนี้ เคสนี้ต้องไปถึงศาลฎีกาถึงได้ยอมจ่ายเงินค่าสินไหม แสดงว่าการต่อสู้แต่ละโรงเรียนมีการแสดงออกต่างกัน ตนอยากฝากเอาไว้ว่าทุกครั้งที่ผู้ปกครองมีเรื่องกับโรงเรียน ไม่ว่าจะเรื่องใด ทำไมต้องย้ายนักเรียนออก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ตนขอฝากไปถึงท่านนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยแก้ไขเรื่องนี้และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ ทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมจะไปยื่นหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการ ให้รับทราบถึงเรื่องนี้ เชื่อว่าหลังจากนี้จะได้เห็นมาตรการคุ้มครองเด็กแบบปลอดภัยแน่นอน

นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิฯ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนทำงานในส่วนของเด็กและสตรี และในฐานะคนเป็นแม่ เราอยากจะฝากลูกให้อยู่ในสถานศึกษาที่ปลอดภัย หากวันไหนต้องเจอเรื่องราวที่ไม่ดี ผลึกอยู่ในหัวใจของเด็กแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ผลสุดท้ายก็จะเป็นปัญหาอยู่กับเด็กไปตลอด ตอนแรกตนไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเด็กที่ก่อเหตุอายุเท่านี้ และทำไมโรงเรียนถึงปัดความรับผิดชอบ ก่อนที่จะโทษคนอื่นควรจะรับโอบอุ้มและดูแลเด็กไว้ก่อนในฐานะพ่อแม่คนที่ 2 ของเด็ก เทคโนโลยีสมัยนี้ล้ำมาก และเด็กสมัยนี้ฉลาด คุณครูจะต้องตามให้ทัน ควบคุมการดูแลเด็กให้ดีกว่านี้ ต้องสอนให้ป้องกันและไม่ให้ไปกระทำแบบนี้กับใคร ไม่งั้นปัญหาก็จะยังอยู่ในสังคมต่อไป ส่วนกรณีของน้องผู้เสียหายนอกจากเราจะต้องดูแลสภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว ยังต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจอีกด้วย
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี