ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นางณัฏจริน สุธรรม อายุ 40 ปี น.ส.สุริตา คำยาง อายุ 37 ปี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายกว่า 100 รายที่ซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันชื่อดังแห่งหนึ่งเดินทางนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกันชื่อดังหลังจากพวกตนซื้อประกันสุขภาพตอนที่ไม่เจ็บป่วยก็จ่ายเบี้ยประกันมาตลอด แต่พอเจ็บป่วยเข้ารักษารพ.บ่อยครั้งกับโดนเรียกเก็บเบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆแบบไม่มีกฏเกณฑ์ที่แน่นอน หนักสุดตรวจพบเป็นมะเร็งหลังทำประกันไปแล้วกับถูกบีบเรียกเก็บเบี้ยประกันเพิ่มถ้าไม่ยอมก็จะยกเลิกประกันอ้างเบิกค่ารักษาพยาบาลเกินเกณฑ์ทุนประกันที่เรียกเก็บ โดยอ้างว่าบริษัทประกันไม่กล้ารับความเสี่ยง จะไปทำกับเจ้าใหม่ก็ไม่ได้เพราะมีประวัติการรักษาแล้ว จึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกเอาเปรียบจากบริษัทประกันจึงร่วมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือ เพราะก่อนหน้านี้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่เรื่องก็เงียบหายไป

นางณัฐจริน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยซื้อประกันสุขภาพที่ไหนเลย จนกระทั่งพาลูกไปหาหมอที่รพ.บ่อย ก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามาพูดคุยแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพให้ลูกจะได้ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเอง จึงลองซื้อประกันดูพอลูกไม่สบายก็เบิกค่าใช้จ่ายได้จริง ตนจึงซื้อประกันสุขภาพของตนเองบ้าง กระทั้งปี 67 ตนเกิดป่วยด้วยอาการสโตกชาครึ่งซีก ต้องเข้ารักษาที่รพ.หลายครั้งทางประกันก็เป็นคนจ่าย กระทั่งมีข้อความส่งมาให้ตนต้องจ่ายเบี้ยประกันตามปรกติเมื่อครบปี ตนก็โอนเงินจ่ายไปแต่กลับพบว่าทางบริษัทประกันได้โอนเงินคืนกลับมาพร้อมบอกว่าไม่สามารถต่อประกันให้ได้ เพราะบริษัทรับความเสี่ยงของตนในการรักษาตัวในรพ.ไม่ไหว ทั่งที่ตนเข้ารพ.รักษาตัวในรพ.ค่าใช้จ่ายร่วม 650,000 บาท จากทุนประกัน 10 ล้านบาท ตนจึงมองว่าไม่ยุติธรรมกับพวกตนหากเราไม่ป่วยบริษัทประกันก็เก็บเงินเราทุกปีตามเบี้ยประกันฟรีๆ แต่พอเราป่วยใช้สิทธิประกันรักษาอยู่ๆก็มายกเลิกดื้อๆ

ด้านน.ส.สุริตา กล่าวว่า ตนซื้อประกันสุขภาพมาตลอด กระทั่งไม่สบายไปรพ.แล้วตรวจพบว่าเป็นมะเร็งไทรอย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดบริษัทประกันจ่ายให้ แต่พอถึงเวลาต่อประกันกลับโดนเรียกเก็บเบี้ยประกันที่สูงกว่าเดิมที่เคยจ่ายแบบก้าวกระโดด พอสอบถามไปบริษัทประกันบอกเหมือนกับรายอื่นคือบริษัทไม่สามารถรับความเสี่ยงในการรักษาพยาบาลของตนได้ ตนก็ยอมถึงแม้จะจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะหากไม่มีประกันตนต้องจ่ายค่ารักษาเอง เคยลองติดต่อบริษัทประกันเจ้าอื่นๆก็ไม่สามารถซื้อประกันได้เพราะมีประวัติรักษาโรคมาแล้วเขาไม่รับทำ จึงอยากขอร้องให้บริษัทประกันอย่าเอาเปรียบกันนักเลย ตอนเราไม่ป่วยเราก็จ่ายครบไม่ขาด พอเราเจ็บป่วยคุณก็ควรดูแลเราตามสิทธิ์ที่คุณโฆษณาไว้

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนที่กระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลบริษัทประกันดังกล่าว และจะไปร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทประกันว่ามีแนวทางอย่างไรในการเรียกร้องความยุติธรรมในการเก็บเบี้ยประกันหรือเรื่องอื่นๆ ที่ประชาชนเดือดร้อน เพราะทำไมพอผู้เสียหายเข้ารับการรักษาใน รพ.จึงเรียกเก็บเบี้ยประกันถึงเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดต่อไป

นอกจากนี้ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้ว คปภ. มีหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ให้ทุกบริษัทดำเนินงานอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม และต้องดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ทำประกันภัย ให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กำหนดในกรมธรรม์ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ในเรื่องนี้หาก คปภ.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ ก็จะต้องพิจารณาว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร เพื่อหาทางคุ้มครองสิทธิประชาชนได้รับความยุติธรรม
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี