ผู้สื่อข่าวมาทำข่าวที่สภ.บางใหญ่ จากกรณีข่าววัยรุ่นรุมโทรมเด็กหญิง 12 ปี , แม่ชีทำเงินหาย ,อดีตจ่าทหารถูกพ่อตาแม่ยายมัดมือมัดเท้า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สังเกตุเฝ้าดูข้าราชการในชุดตำรวจยศ พ.ต.อ.ที่ให้บริการพี่น้องประชาชนที่มาติดต่อราชการเสมือนหนึ่งดุจญาติมิตร ด้วยทีท่าหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เดินแจกบัตรคิวด้วยตนเอง สอบถามถึงเรื่องราวจากชาวบ้านที่มาแจ้งความ รวมทั้งถามไถ่ทุกข์สุขถึงคดีความที่มาแจ้ง หรือ บางคดีที่ต้องสอบสวนหรือมีข้อสงสัย ก็จะนั่งลงและสอบถามผู้เสียหายด้วยตนเอง สร้างความประทับใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่ผู้มาติดต่อราชการหรือสื่อมวลชนที่มาเฝ้าทำข่าวและตามข่าวต่อเนื่องก็เห็นมาทุกวันว่านายตำรวจคนดังกล่าวซึ่งมียศถึง พ.ต. อ.ท่านนี้ ลงมาสัมผัสชาวบ้านอย่างใกล้ชิด ทำเอาสิบเวร-เสมียนประจำวัน ต่างพากันตัวเกร็งนั่งทำงาน ด้วยความขมักเขม้นตามเจ้านาย

โดยนายตำรวจดังกล่าวทราบว่าเป็นหัวหน้าสถานนีโรงพัก หรือที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจแห่งนี้ ทราบชื่อคือ พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ หรือนามเรียกขานว่า “บางใหญ่ 1 ” ผู้กำกับการคนใหม่ที่ย้ายมาแค่ยังไม่ถึง 2 เดือน โดยเดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมานี่เอง

พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริในวัย 55 ปี ที่ยังเหลืออายุราชการอีกถึง 5 ปี เต็ม ก็ได้ให้ความกันเองกับผู้สื่อข่าว และกล่าวด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างว่า หลังจากตนเองย้ายมารับตำแหน่งที่โรงพักแห่งนี้แล้ว ก็พบว่าแต่ละวันจะมีผู้ที่มาติดต่อแจ้งความกันจำนวนมาก บางรายก็จะเป็นเคสที่ต้องรีบเข้าดำเนินการหรือช่วยเหลือให้คำปรึกษาอย่างเร่งด่วน ส่วนบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ๆเกิดแบบเฉพาะหน้าที่ต้องรีบสั่งการให้ความช่วยเหลืออย่างเช่นคดีของแม่ชีวัย 87 ปี ที่ลืมเงินไว้บนรถแท๊กซี่ ซึ่งตนเองก็กำลังให้บริการประชาชนอยู่ แม้จะเป็นวันอาทิตย์วันหยุดราชการก็ตามที เมื่อตนเองทราบเรื่องจึงได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน จนทราบยี่ห้อรถ สีรถ และหมายเลขทะเบียน คนขับแท๊กซี่จนสามารถติดตามตัวคนขับและนำมาสู่การนำทรัพย์สินของแม่ชีที่ลืมไว้บนรถ กลับคืนให้แม่ชีได้เพียงแค่วันเดียว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความรู้สึกที่ ผกก.ได้ทำหน้าที่ๆเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีให้เห็นกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับหัวหน้าสถานีที่จะมีให้เห็นให้ทำกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวของโรงพักในประเทศไทยก็ว่าได้

พ.ต. อ.สิรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ลงมาบริการผู้ที่มาติดต่อราชการด้วยตนเองร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้บริการด้วยใจเสมือนหนึ่งที่เขาตกทุกข์ได้ยากแล้วมาพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งข้าราชการตำรวจ หรือข้าราชหน่วยงานต่างๆล้วนแต่กินภาษีพี่น้องประชาชนด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วยิ่งต้องช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนให้เขาได้พึ่งพาสมกับคำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ที่แท้จริง ซึ่งตนเองก็จะหมั่นกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอในเรื่องนี้ พ.ต.อ.สิรภพยังฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มาติดต่อราชการที่สภ.บางใหญ่ แห่งนี้ว่าเป็นธรรม เจ้าหน้าที่พูดจาไม่ไพเราะ หรือไม่ได้รับความสะดวกสบายในการติดต่อราชการ หรือมีเรื่องร้องเรียนก็สามารถติดต่อตนเองได้โดยตรงที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-6486343 ตนเองยินดีรับฟังปัญหาและแก้ไขช่วยเหลือ ตามอำนาจหน้าที่ที่จะช่วยได้ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

นางวาสนา เหมกัน อายุ 51 ปี อาชีพค้าขาย ที่มาแจ้งความเรื่องลูกสาวถูกรถชนและมาเคลมหรือตกลงกับประกันภัยฝ่ายคู่กรณี กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากๆที่ทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ๆเข้ามาสอบถามตนเองในคดีนั้น เป็นถึงผกก.หัวหน้าสถานี ซึ่งตนเองไม่เคยเจอหรือพบมาก่อนว่าคนที่เป็นผกก.จะลงมาเดินสอบถามผู้มาติดต่อในลักษณะนี้ เพราะปกติไปโรงพักที่ไหนก็จะเห็นแต่รูปคนที่เป็นผกก.จะแปะรูปอยู่แต่บนบอร์ดไวนิลของโรงพักไม่เคยมาบริการให้แบบนี้ บางโรงพักอยากจะพบอยากจะเจอยังพบยากเจอยากเลย ก็อยากให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เมตตาดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เขาเดือดร้อนและต้องมาโรงพักเพื่อแจ้งความช่วยดูแล เหมือนนายตำรวจท่านนี้ด้วย นางวาสนากล่าว
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี