ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลปลายบาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ว่าถูกนิติบุคคลหมู่บ้านดำเนินการรื้อถอนร้านค้ากว่า 20 ร้าน ที่ตั้งอยู่บริเวณสนามเด็กเล่นซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าดำเนินกิจการมานานกว่า 10 ปี โดยอ้างว่าไม่มีการประชุมเพื่อออกญัตติรื้อถอน มีเพียงแจ้งปากเปล่าให้ดำเนินการภายในวันที่ 9 มี.ค.68 กระทั่งช่วงเช้าทางนิติบุคคลได้นำทีมงานประมาณ 6-7 คนเข้าดำเนินการรื้อถอนร้านค้า ทำให้ทรัพย์สินของพ่อค้าแม่ค้าหลายรายได้รับความเสียหาย สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ จนนำไปสู่ความตึงเครียดและมีปากเสียงกัน หวิดเกิดการปะทะ

ต่อมาเวลาประมาณ 11.20 น. พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.ปลายบาง ได้รับแจ้งเหตุจึงนำกำลังตำรวจสายตรวจและฝ่ายสืบสวน เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งเชิญตัวแทนนิติบุคคลและตัวแทนร้านค้าเข้าประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมีนายธนวัฒน์ วัฒนวงษ์สิงห์ ปลัดอำเภออาวุโส อำเภอบางกรวย และนายสุรชัย โชคสกุลวงษ์ กำนันตำบลปลายบาง ร่วมเจรจา แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแนะนำให้นิติบุคคลและพ่อค้าแม่ค้าดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

นางสุจิตรา สง่าวงศ์ อายุ 52 ปี แม่ค้าขายไข่ไก่ กล่าวว่า ตนและพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นค้าขายในพื้นที่นี้มาตั้งแต่ปี 2558 หากนิติบุคคลต้องการพื้นที่คืน ควรดำเนินการตั้งแต่แรก ไม่ใช่ปล่อยให้ค้าขายมากว่า 10 ปีแล้วจึงมารื้อถอนโดยไม่มีการประชุมหรือหาทางออกร่วมกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกตนเคยขอให้มีการจัดโซนสำหรับร้านค้าและเก็บเงินเข้ากองทุนหมู่บ้าน แต่กลับไม่มีการพิจารณา จนมาถึงตอนนี้ที่ถูกสั่งให้รื้อถอนภายในวันที่ 9 มีนาคม แล้ววันที่ 10 ก็ส่งคนมารื้อเลยทันที ทำให้ร้านค้าเสียหายโดยไม่มีใครรับผิดชอบ และยังนำชายฉกรรจ์เข้ามาดำเนินการโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพ่อค้าแม่ค้า จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

นางสาวกัลยาณ์ สุวรรณโชติ อายุ 64 ปี แม่ค้าขายพวงมาลัย กล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้องกู้เงินรายวันมา 10,000 บาท และต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 300 บาท การที่นิติบุคคลเข้ารื้อร้านค้าโดยไม่ให้เวลาเตรียมตัว ทำให้ตนหมดหนทางหารายได้ ต้องจ่ายค่าบ้านและค่าร้านค้าทุกเดือน เมื่อร้านถูกทุบพังเสียหาย ทำให้ไม่มีที่ขายของ ตนถึงกับเป็นลมเพราะความเครียด อยากให้มีการทบทวนและช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้า เพราะรายได้ในแต่ละวันก็แค่หลักร้อยบาท ขายหมดบ้าง ไม่หมดบ้าง หากไม่มีร้านค้าก็จะไม่มีรายได้ไปชำระหนี้

เบื้องต้นทางด้านนิติบุคคลได้ติดป้ายชี้แจงว่า การรื้อถอนดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนิติบุคคล และมีการร้องเรียนจากลูกบ้านส่วนใหญ่ให้จัดการพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สนามเด็กเล่น, ข้างอาคาร 1, 3, 4 และอาคาร 40 ซึ่งมีร้านค้ารุกล้ำพื้นที่ เพื่อปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามเด็กเล่น และทางสัญจรสำหรับทุกคนในหมู่บ้าน ทั้งนี้ ทางการเคหะฯ ได้มีคำสั่งให้ฝ่ายจัดการนิติบุคคลติดป้ายแจ้งเตือน และออกเอกสารประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าทราบล่วงหน้า โดยกำหนดให้รื้อถอนออกจากพื้นที่ส่วนกลางภายในวันที่ 9 มีนาคม 2568 หากใครยังไม่มีการดำเนินการ ทางนิติบุคคลจะดำเนินการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย และเข้ารื้อถอนโดยไม่รับผิดชอบความเสียหายของทรัพย์สินทุกกรณี หลังเกิดเหตุดังกล่าวทางพ่อค้าแม่ค้า ต่างทยอยเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทางนิติหมู่บ้าน และผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 10 คน ที่ทำการรื้อถอนร้านค้า ในข้อกล่าวหา “ทำให้เสียทรัพย์”
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี