นายนพดล พีชะพัฒน์ อายุ 47 ปี พร้อมด้วยนายโกมล บางแก้ว อายุ 35 ปี ที่ปรึกษาเพจ “ปทุมต้องรอด” ได้นำผู้เสียหายกว่า 3 รายเข้าพบตำรวจ เพื่อติดตามคดีและแจ้งความดำเนินคดีกับอู่ซ่อมรถชื่อดังย่านบางใหญ่หลังได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายกว่า 10 รายว่า ถูกอู่ดังกล่าวฉ้อ โกงและยักยอกทรัพย์ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท ทั้งนี้มีผู้เสียหายบางรายที่ไม่ประสงค์แจ้งความเนื่องจากหมดความหวังในการติดตามทรัพย์สินอย่างไรก็ตาม ทางเพจ “ปทุมต้องรอด” ได้เข้ามา ช่วยเหลือ พร้อมพาผู้เสียหายเข้าพบ พ.ต.อ.รณภัฏ ทับทิมธงไชย ผกก.สภ.บางใหญ่ และ พ.ต.ท.เทวกฤต มณีรัตน์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.บางใหญ่ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และผลักดันให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าของอู่ซ่อมรถดังกล่าว

ผู้เสียหาย เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น E30 กล่าวว่า ย้อนไปประมาณ 4 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 28 ก.ย.63 ตนได้ซื้อรถ BMW รุ่น E30 ในราคา 180,000 บาท แต่พบว่ารถถูกเปลี่ยนเครื่องยนต์และสีมา จึงต้องการปรับสภาพกลับเป็นของเดิม โดยนำรถเข้าซ่อมที่อู่ชื่อดังในย่านบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นอู่ที่ได้รับความนิยมในโซเชียลและมีดาราใช้บริการ ตนได้ตกลงค่าซ่อมกับเจ้าของอู่ที่ 1,100,000 บาท โดยชำระเงินไปแล้ว 950,000 บาท และจะจ่ายส่วนที่เหลือ 200,000 บาท เมื่อรถเสร็จ ตามสัญญาที่กำหนดไว้ว่าต้องส่งมอบรถภายในวันที่ 30 มีนาคม 2564 อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกำหนด เจ้าของอู่กลับอ้างว่าทำไม่เสร็จเพราะโควิด และต่อมาก็ให้เหตุผลอื่น ๆ เช่น ลูกน้องลาออก จนเวลาผ่านไปกว่า 4 ปี รถยังไม่เสร็จ

ต่อมาวันที่ 14 เม.ย.67 ตนไปดูรถที่อู่และพบว่าเครื่องยนต์เก่าหายไป โดยพนักงานแจ้งว่าเจ้าของอู่ได้นำไปขายแล้ว ทำให้ต้องเข้าแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ ในข้อหายักยอกทรัพย์ ต่อมาในเดือนก.ย.67 พบว่ารถถูกย้ายออกจากอู่ไปแล้ว พยายามติดต่อเจ้าของอู่แต่ถูกเพิกเฉย หลังจากตามหารถนานถึง 4 เดือน ไม่พบเบาะแส จึงขอความช่วยเหลือจากเพจ “ปทุมต้องรอด” ซึ่งสามารถตามหารถให้เจอภายใน 2 วัน รถถูกพบอยู่ในบ้านหลังหนึ่งย่านลำลูกกา คลอง 6 จังหวัดปทุมธานี เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปพบรถ ดีใจจนร้องไห้ แต่เจ้าของบ้านปฏิเสธที่จะคืนรถ อ้างว่าให้ไปตกลงกันในศาล แม้ตำรวจพยายามไกล่เกลี่ยก็ไม่เป็นผล

นายกร (นายสมมุติ) ผู้เสียหาย อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น 318 E36 ทะเบียน กข 8881 นครนายก สีแดง เปิดเผยว่า รถคันนี้ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ตนใฝ่ฝันอยากได้มาตั้งแต่เด็ก โดยตนได้ซื้อรถยนต์คันนี้มาจากเจ้าของรถประมาณ 80,000 บาท โดยที่ตนยังไม่ได้เจอรถยนต์เนื่องจากทำงานอยู่ต่างประเทศ จากนั้นก็ได้เห็นอู่รถยนต์ดังกล่าว โปรไฟล์ดีจากทางเฟซบุ๊ก จึงทักไปหาเพื่อที่จะให้ทางอู่ทำสีรถ ล้อรถ ชุดแต่ง เก็บงานภายในรถ โดยคุยตกลงราคาอยู่ประมาณ 150,000 บาท จึงประสานเจ้าของรถที่ตนซื้อขายนำรถไปทิ้งไว้ที่อู่เพื่อทำการซ่อมเก็บงานต่างๆตามที่ระบุไว้ โดยตนได้จ่ายค่าใช้จ่ายแบ่งเป็นยอดโอน โดยมีกำหนดซ่อมเสร็จที่เดือน ธ.ค.66 ระหว่างที่ซ่อมได้มีการแบ่งจ่ายเป็นทั้งหมด 4 งวด โดยโอนให้จำนวนเงิน 13,300 บาท 50,000 บาท และ 30,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นยอด 123,300 บาท ส่วนที่เหลือมีการพูดคุยไว้ว่าจะจ่ายให้ครบก็ต่อเมื่อรถเสร็จแล้วได้รถคืน แต่ปรากฏว่าเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.66 ตนได้กลับจากต่างประเทศแล้วเดินทางเข้าไปดูรถพบว่ารถของตนยังไม่มีการซ่อมแซมตามที่พูดคุยแต่อย่างใด สภาพเหมือนเดิมทั้งหมด ตอนนั้นตนไม่กล้าเข้าไปด้านในอู่กลัวเรื่องของการบุรุกพื้นที่ จึงเดินทางกลับ แล้วก็ไปทำงานต่างประเทศต่อ ระหว่างที่ไปทำงานก็ได้ติดต่อไปที่อู่แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด และยังไม่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากอยู่ต่างประเทศ

จนกระทั่งล่าสุดเดือนนี้ ตนได้เดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง จึงได้มีเวลามาตามเรื่องรถยนต์ปรากฏว่าอู่ดังกล่าวได้ปิดไปแล้ว และรถตนก็ไม่ได้อยู่ที่อู่แล้ว ซึ่งตอนแรกตนถอดใจว่าจะไม่ตามเรื่องต่อ แต่ปรากฏว่าทางเพจ ปทุมต้องรอด ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่ แล้วมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกกระทำลักษณะนี้ จึงได้ติดต่อไปทางเพจ และทางเพจก็ให้การช่วยเหลือวันนี้พาตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของอู่ และได้พบพูดคุยกับผกก.สภ.บางใหญ่ ได้อำนวยความสะดวก พร้อมติดตามคดีให้ ทั้งนี้ตนยังได้รับข่าวสารมาจากกลุ่มรถแต่งว่ามีคนเจอรถยนต์ของตนอยู่ที่เต๊นท์รถแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่ามีการขายต่อไปหรือไม่อย่างไร

ด้านพ.ต.อ.รณภัฏ ทับทิมธงไชย ผกก.สภ.บางใหญ่ เปิดเผยว่า ทางด้านคดีวันนี้ทางตำรวจได้มีการประสานผู้เสียหาย ถึงความคืบหน้าคดี พร้อมทั้งรับแจ้งความและสอบปากคำกับผู้เสียหายที่ยังไม่ได้มีการแจ้งความ โดยตำรวจดำเนินตามขั้นตอนกฏหมายถึงที่สุด ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางตำรวจได้ทำการออกหมายเรียกเจ้าของอู่ซ่อมรถในข้อหา ยักยอกทรัพย์ และฉ้อโกง โดยทางเจ้าของรถได้มีการประสานทนายความขอเลื่อนนัดพนักงานสอบสวน ทางตำรวจจึงได้เร่งรัดพูดคุยกับทนายความดังกล่าวให้เข้ามาพบตำรวจตามนัดหมาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป โดยผู้เสียหายบางรายประสงค์อยากเข้าพูดคุยเจรจาค่าเสียหายกับเจ้าของอู่ อย่างไรก็ตามทางตำรวจบางใหญ่ประชาสัมพันธ์หากใครถูกอู่รถดังกล่าวกระทำความผิด ตามพฤติกรรม ข้างต้น สามารถเดินทางแจ้งความได้ที่สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หรือ สภ.ที่เกิดเหตุ ได้
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี