ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ ผบ.ตร. รวมทั้งพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร/ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทยรวมถึงแย่งอาชีพคนไทย และให้ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มแก็งค์ที่มีพฤติการณ์ใช้คนไทยเป็นนอมินีบังหน้าในการประกอบธุรกิจ


รวมถึงตั้งกลุ่มแก็งค์ในการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรงอื่นๆ ได้แก่การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ เป็นต้น โดยได้กำหนดมาตรการ 7 มาตรการให้หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำไปปฎิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.จว.สุราษฎร์ธานี ,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตติประยูรตี รอง ผบก.ฯ ปฎิบัติราชการ บก.ตม.6 ,พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.


เป้าหมายคนต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย จำนวน 5 จุด สืบเนื่องมาจากนโยบาย 7 มาตรการที่เกี่ยวกับคนต่างชาติของ ผบ.ตร. ได้กำหนดให้หน่วยงานในสังกัดได้นำไปปฎิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม และก่อนการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สืบทราบมาว่ามีคนต่างชาติได้เข้ามาทำงานเปิดสถานประกอบการรับเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานประกอบการ ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและวีซ่าเกินกำหนดอนุญาต หรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ลักลอบกระทำความผิดอยู่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีทั้ง 3 เกาะ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2568 จึงได้ประสานข้อมูลและวางแผนร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีและฝ่ายปกครองในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบแหล่งที่พักและสถานประกอบการ โดยมีการวางแผนปูพรมออกตรวจสอบพร้อมกันทั้ง 3 เกาะ ได้แก่เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จำนวน 5 เป้าหมายจนสามารถจับกุมคนต่างชาติ รวม 18 ราย