นายอุดม ชมพูศรี พร้อมตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกับปัญหามลพิษทางเสียงจากร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายเกลื่อนในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สร้างความเดือดร้อนมานานและเคยร้องไปยังหลายหน่วยงานต่างปัดความรับผิดชอบ ต้องเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เข้ามาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยมีนายบุญรุ่ง  คำของ นิติกรของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้มารับหนังสือจากตัวแทนชาวบ้าน พร้อมรับปากจะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้ร้องเรียนในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายราย ซึ่งจะต้องประสานไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่อาจจะต้องใช้เวลาราว 1-2 สัปดาห์ ก็น่าจะทราบผล ซึ่งหลังจากทราบถึงแนวทางการปฏิบัติและระยะเวลาของการดำเนินการแล้ว กลุ่มตัวแทนชาวบ้านก็เดินทางต่อไปยังเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ที่ให้ร้านอาหารแห่งหนึ่งเช่าดำเนินการจนก่อปัญหาขึ้น ซึ่งทางเจ้าของที่ดินเองก็รับเรื่องไว้และจะหาทางแก้ไขร่วมกับผู้ประกอบการที่เช่าที่ดินอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาทางออกว่าจะต้องทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับชาวบ้านหรือชุมชนเหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะร้านอาหารที่เช่านั้นก็เปิดดำเนินการและก่อสร้างอาคารของร้านเอง โดยทำเป็นลักษณะอาคารแบบเปิดโล่ง จึงทำให้เสียงออกไปรบกวนจนเกิดปัญหาขึ้นดังกล่าว

 ทางด้านกลุ่มตัวแทนชาวบ้านที่รวมตัวกันมาร้องกับศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ เปิดเผยว่า ปัญหาที่ต้องเดินทางมาร้องกับศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้มาจากปัญหาเรื่องเสียงเป็นหลัก มาจากการประกอบกิจกรรมของร้านอาหาร…..ซึ่งจากปกติเราเคยนอนประมาณ 22.00 น. แต่เดี๋ยวนี้กว่าจะได้นอนก็ราวตีหนึ่ง เพราะกว่าที่ร้านอาหารจะปิดก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว กว่าที่ลูกค้าจะออกจากร้านก็ 01.00 น. ที่ผ่านมาก็เคยแจ้งเหตุไปที่ 191 แจ้งตำรวจให้เข้ามาช่วยปรามหรือลดเสียงลง แต่เมื่อตำรวจเข้ามาที่ร้านก็พบว่าทางร้านเองก็ไม่ได้ใส่ใจหรือให้ความสนใจจะดำเนินการอะไร เพราะเราโทรเข้าไปแจ้งที่ตำรวจบ่อยๆ ก็แจ้งกลับมาว่าตำรวจเองไม่มีอำนาจจะให้ทางร้านลดเสียง จึงต้องรวมตัวกันมาแจ้งขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมกับเจ้าของที่ดินที่ให้ร้านเช่า สำหรับครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนและลงชื่อมาที่ไม่ติดธุระมีอยู่ 17 ครัวเรือนและยังมีที่ยังไม่พบตัวรวมๆ แล้วน่าจะเกินกว่า 30 ครัวเรือนที่อยู่โดยรอบ โดยจะมาจากปัญหาของเรื่องเสียงดังรบกวนเป็นหลัก ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกือบเดือนหนึ่งได้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีปัญหาก็เพราะทางร้านไม่ได้เอาดนตรีสดมาเล่น

จะมีเพียงการเปิดเพลงเบาๆ หรือเล่นดนตรีโฟล์คซองชิ้นเดียวให้ลูกค้าฟัง ซึ่งก็ยังพอทนหรืออาจจะมีบ้างที่นานๆ ครั้งมีงานปาร์ตี้หรืองานเทศกาลพิเศษแบบนั้นเราพอเข้าใจได้ แต่มาระยะหลังนี้ทางร้านกลับเอาดนตรีสดเล่นแบบเต็มวง กีตาร์ เบส กลองครบ โดยเฉพาะเสียงนักร้องดังมาก พอมีดนตรีสดเล่นแบบนี้แล้วเค้าไม่สามารถคุมเสียงให้อยู่เฉพาะในร้านไม่ได้ ยิ่งเล่นยิ่งดึกยิ่งดัง บางครั้งช่วงหัวค่ำเราเองหลับไปแล้วแต่ต้องมาสะดุ้งตื่นตอนห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน เพราะนักร้องตะโกนอย่างเมามันและเมาด้วย ลูกค้าสนุก นักดนตรีสนุก เจ้าของร้านได้เงินสนุก แต่ความทุกข์ตกที่ชุมชนและชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง ตอนนี้เราทนไม่ไหวแล้วเพราะแต่ละบ้านมีทั้งเด็กแรกเกิด ผู้ป่วยติดเตียง เด็กๆ ที่จะต้องไปเรียนแต่เช้า คนทำงานที่จะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน ทุกคนต่างได้รับผลกระทบและเดือดร้อนไปหมดจากร้านอาหารเหล่านี้ แม้ว่าเราพยายามที่จะเจรจาหรือพูดคุยขอร้องก่อนแล้วก็ไม่เป็นผล โดยหวังว่าหน่วยงานของภาครัฐเองจะเข้ามาควบคุมให้อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบน้อยลงกว่านี้ นอกจากนี้ยังหวังว่าเจ้าที่ดินที่ให้ร้านเช่าจะเข้ามาร่วมกันมีบทบาทเพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้ ในดุลยพินิจของเจ้าของที่ที่หากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขของการเช่าก็น่าจะพิจารณาให้ไปเปิดดำเนินการที่อื่น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับชุมชนมากกว่า หรือหากคิดว่าทุกคนต่างทำมาหากินไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เสียงไม่รบกวนชาวบ้านก็อยู่ตรงนั้นได้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ก็ยังคงมีอีกหลายร้านที่ส่งผลกระทบกับชาวบ้านอยู่ในขณะนี้ ซึ่งชุมชนก็ต้องช่วยกันดูแล เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติหรือทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดทั้งจังหวัด ออกตรวจตราดูแลทุกข์สุขของประชาชนบ้าง เพราะทุกครั้งหน่วยงานต้องรอให้เราร้องเรียนเข้าไปถึงจะออกมาทำงาน หรือรอให้เกิดเรื่องก่อนถึงจะออกมาป้องปราม ที่สำคัญควรจะประชุมผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารเหล่านี้ให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะเปิดหรือปิดให้บริการกี่โมง ทำได้แค่ไหนอย่างไรจะดีกว่า………

 สำหรับปัญหามลพิษทางเสียงของร้านอาหารเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนขณะนี้ เจอกับปัญหาร้านอาหารลักลั่นขออนุญาตใช้เสียงเป็นครั้งคราวแล้วไม่มีการควบคุมจนเกิดผลกระทบกับชาวบ้านมาอย่างยาวนาน กระจายอยู่หลายแห่งรอบตัวเมือง ทั้งที่ถนนปางล้อนิคม ถนนนาวาคชสาร ถนนสัมพันธ์เจริญเมือง บางร้านอ้างว่าเปิดเป็นร้านข้าวต้มแต่กลับพบพฤติกรรมขายแอลกอร์ฮอร์ให้กับลูกค้าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แทบทุกร้านให้บริการเป็นแบบร้านอาหารเปิดโล่งและมีดนตรีตั้งแต่ 1-4 ชิ้นเล่นให้กับผู้เข้าไปใช้บริการฟัง ที่สำคัญบางร้านยังไปเปิดบริการอยู่หน้าสถานศึกษาจนกลายเป็นข้อถกเถียงกันว่าสามารถเปิดร้านขายเหล้าหน้าสถานศึกษาในเขตโซนนิ่งได้หรือไม่  แทบทุกคืนจะต้องมีชาวบ้านแจ้งปัญหาร้านอาหารเสียงดังอยู่เสมอ ผลมาจากแนวทางการควบคุมที่ไม่ชัดเจน ร้านอาหารเองก็อ้างว่าขออนุญาตแล้ว มีชาวบ้านแอบเอาเครื่องวัดเสียงไปวัดหลายครั้ง กลายเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน จนบานปลายมีชาวบ้านรวมตัวกันออกมาร้องเรียนดังกล่าว

ภาพ-ข่าว วิรัตน์  นันทะพรพิบูลย์  จ.แม่ฮ่องสอน