พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้บินด่วนมายัง สภ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี เพื่อติดตามคดี และเร่งรัดคดี จากกรณีช่วงระหว่างวันที่ 19 – 20 พ.ค.65 ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้ลักลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้าส่องสว่างจำนวน 28 ต้น เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายห้วยช้าง-คูคต ต.ห้วยคต อ.ห้วยคต จว.อุทัยธานี พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ห้วยคต ภ.จว.อุทัยธานี ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลได้นำเสนอไปแล้ว นั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่ควบคุมดูแล สั่งการการสืบสวนสอบสวนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีอื่นๆ อีกหลายคดีในลักษณะเดียวกันนี้ อีก 9 เหตุการณ์ ใน 7 พื้นที่ 2 จังหวัด  ซึ่งมีลักษณะพฤติการณ์ในคดีใกล้เคียงกัน อาจมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ  เกี่ยวข้องกับการประมูลงานในระดับท้องถิ่น  และอาจมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ ให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ตราด, พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สส.บก.น.3 พร้อมด้วยทีมงานพนักงานสืบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 587/2565 รวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียด และเร่งรัดการสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากเกิดเหตุคดีเผาเสาไฟฟ้าจำนวนหลายต้น ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.65 นายอนุชา อายุ 19 ปี ได้เดินทางมามอบตัวต่อ พงส.สภ.ห้วยคต และให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้าส่องสว่างดังกล่าวด้วยตนเองจริง และได้ก่อเหตุแต่เพียงผู้เดียว พงส.จึงได้แจ้ง ข้อกล่าวหานายอนุชาฯ หรือบีม ว่าได้กระทำความผิดฐาน “วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ทีมงานพนักงานสืบสวนฯ พบข้อพิรุธต้องสงสัยหลายประการ จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่าพฤติการณ์ตามที่นายอนุชาฯ หรือบีม ให้การรับสารภาพกับ พงส.สภ.ห้วยคต ดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง นำไปสู่รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ได้ร่วมก่อเหตุในคดีดังกล่าวเพิ่มเติม ได้แก่

1. นายสุรสีห์ อายุ 45 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา  2. นายวิรัตน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี พ ตามหมายจับของศาลอาญาซึ่งได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร”ต่อมาวันที่ 3 ม.ค.66 ทีมงานพนักงานสืบสวนฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยคต ภ.จว.อุทัยธานี ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวิรัตน์ หรือต้อม จันทร์แทน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาโดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณร้านค้าสวัสดิการ วนอุทยานห้วยคต ต.ห้วยคต อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ส่วนนายสุรสีห์ ศิลาภิวัฒน์ หรือ ป.แมว เวลา 11.00น. วันที่ 4 ม.ค.66  ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยคต หลังจากทำการสอบสวนแล้วเสร็จ ทางพนักงานสอบสวนได้ ให้ประกันตัวนายสุรสีห์ ศิลาภิวัฒน์ หรือ ป.แมว พร้อมทั้งนายวิรัตน์ หรือต้อม จันทร์แทน อายุ 34 ปี ออกไป 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นหนึ่งในคดีที่มีลักษณะพฤติการณ์คล้ายคลึงกัน เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับบุคคลและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ หลังจากที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตามคำสั่งพนักงานสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลและรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏได้ ซึ่งผู้กระทำผิดกลับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเสียเอง ขณะนี้อยู่ในระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และจะเร่งขยายผลสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ หากพบผู้เกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด รวมทั้งจะขยายผลไปยังคดีอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.อุทัยธานี และ จ.นครสวรรค์ อีกด้วย

ภาพ-ข่าว พชร พัสกุล สมาคมผู้สื่อข่าวอุทัยธานี