ณ อาคารเอนกประสงค์ ร.ร.ปากน้ำชุมพร นัฐวุฒิ ไสเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นายวรชัย เหมะ ,นายวิภู แถลง ,นายก่อแก้ว พิกุลทอง ,นายชินวัตร หาบุญพาด นายอรรถชัย อนันตเมฆร่วมปราศรัยในพื้นที่ จ.ชุมพรครั้งแรกในปี 66 โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยบางตา  

การปราศรัยในครั้งนี้ แกนนำหลายคนได้นำประเด็นปัญหาจากการทำงานพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลมาหาเสียง พร้อมตั้งคำถามว่า “พี่น้องชาวชุมพรประสบปัญหาเรื่องการทำอาชีพประมง ราคาพืชผลเกษตรไม่ว่า ปาล์ม ยาง ราคาล้วนตกต่ำ แก้ปัญหาประมงของไทยก็ทำแบบผิดๆ ทำให้อุตสาหกรรมประมงไทย ต้องเสียหายไปแสนกว่าล้าน ส่งออกอาหารทะเลเสียหายจนถูกลดอันดับลง วันนี้รัฐบาลก็ขึ้นภาษี และยังสนับสนุนกลุ่มทุนขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งปุ๋ย ยา พากันขึ้นราคา ทำให้พี่น้องเกษตรกรจนเพิ่มขึ้น มีหนี้เพิ่มขึ้น ประชาชนเดือนร้อนเพิ่มขึ้น ทำไม…ไม่เปลี่ยนเพื่อสร้างโอกาสให้คนชุมพร

   นัฐวุฒิ ไสเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เราจะเห็นข่าวว่า “ประยุทธ์อยู่ในอำนาจ ต่อมาถึง 8 ปี แล้วมีเวลาอยู่ต่อตามกฎหมายอีก 2 ปี แต่ว่าอยากอยู่ต่อเพิ่ม ด้วยการแก้กติกา เองและถ้าหากประยุทธ์อยู่ต่อไม่ใช่ 2 ปีนะ แต่จะเป็น 4 ปี แล้วจะถูกปฎิเสธโดยประชาชนทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางที่มีความเชื่อมั่นว่า “เพื่อไทย” สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ยังเหลือที่ภาคใต้ที่ พรรคเพื่อไทยยังไม่เคยมีผู้แทนเลย มาวันนี้วัดใจกันเลยครับ พรรคเพื่อไทย เราพร้อมแก้ปัญหาให้คนใต้ อย่างยางพารา จาก 20 กว่าบาท ท่านทักษิณ” ก็ไปจับมือกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อกำหนดราคาขายยางให้เราเองทำให้ราคาสูง 100 กว่าบาท คนใต้สามารถออกรถ ส่งลูกหลานได้เรียนหนังสือดีๆได้ พี่น้องชาวใต้ชื่นใจ “ทักษิณมา ราคายางทะลุร้อย”

   วันนี้ชุมพรเรามี ทั้งเสือ ทั้งหมี ทั้งช้าง ยังขาดน้ำเต้า ปู ปลานิ(เสียงฮาคนฟัง) วันนี้เราต้องคิดเพื่อคนทั้งประเทศว่าไปต่อได้หรือไม่? ลองเอามือตบกระเป๋าแล้วถามตัวเองดูว่าต้องเปลี่ยนหรือไม่? แต่ผมมั่นใจว่า “ต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างโอกาสให้เราเอง”

   สำหรับพื้นที่จังหวัดชุมพร มีพรรคการเมืองได้ลงพื้นที่ โดยในวันที่ 28 ม.ค. 66 พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติลงชุมพรอีกครั้ง/

ภาพ-ข่าว จ./ชุมพร/ประสิทธิ์