ความคืบหน้ากรณีผู้ปกครอง 2 ราย ร้องขอความช่วยเหลือ “ปวีณา” กรณี ลูกชายเรียนอยู่ชั้น ป.4 และป.6 โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ถูกรุ่นพี่ม.2 ทำร้ายร่างกาย และใชมีดข่มขู่เด็กนักเรียนป.4 แม่รายแรกมารับลูกออกจากโรงเรียน ขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา ส่วนแม่รายที่ 2 เห็นข่าว จึงสอบถามเด็กบอกถูกทำร้ายเช่นกัน วันนี้ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ พาไปรับลูก 2 คนออกจากโรงเรียน และขอให้พาไปแจ้งความดำเนินคดี รายแรก รุ่นพี่ 3 คนที่ทำร้ายเด็ก ป.4 และรายที่ 2 รุ่นพี่ม.2 ทำร้ายเด็กป.5 จำนวน 1 คนด้วย

เวลา 14:00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เดินทางมาถึง จ.จันทบุรี รับแม่เด็กทั้ง 2 เข้าพบ พ ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาค รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี และ พ.ต.อ ภาคภูมิ นาคพนม ผกก.สภ.เขาคิชฌกูฏ เพื่อแจ้งความเอาผิดรุ่นพี่ทำร้ายลูกตน โดยแม่เด็กยืนยันจะแจ้งความให้ถึงที่สุด หลังจากนั้น นางปวีณา พร้อมด้วย พ.ต.อ อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาค รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พ.ต.อ.ภาคภูมิ นาคพนม ผกก.สภ.เขาคิชฌกูฎ และแม่เด็กทั้ง 2 ได้เดินทางไปประชุมโรงเรียน โดยมี นายวรทัศน์ รุ่งเรือง ประธานกลุ่มสถานศึกษากลุ่ม 2 และผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสิงห์บุรี น.ส.พิมพ์นิภา วงชากร นักวิชาการและที่ปรึกษากฏหมาย เดินทางมาจากกระทรวงศึกษาธิการ พร้อม ผอ.โรงเรียน ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครู และพม.มาร่วมประชุม โดยให้แม่เด็กทั้ง 2 ราย เล่าเหตุการณ์ลูกถูกทำร้าย โดยทางโรงเรียนให้รุ่นพี่มาเป็นพี่เลี้ยงแต่ปรากฏว่ารุ่นพี่ 2 คน ซ้อมรุ่นน้องโดยชกท้อง โหนคานไม้ในห้องน้ำเตะน้อง รุ่นพี่อีกคนเป็นกองเชียร์ มีรุ่นพี่สงสารแอบให้โทรศัพท์โทรขอให้แม่มารับ ส่วนผู้ปกครองอีกรายเห็นข่าว จึงโทรไปสอบถามลูกว่ารุ่นพี่อีกหอถูกทำร้ายโดยใช้ไม้ตะขอเกี่ยวต้นไม้ตีหัว และรุ่นพี่จะมาทำร้ายตลอด ช่วงหลังพี่ชายแท้ๆ ที่อยู่ ม.1 เข้ามาช่วยห้ามไว้บ้าง นางปวีณา ได้สอบถามในที่ประชุมทราบว่าโรงเรียนแห่งนี้ มีนักเรียน 648 คน มีครู 40 คน มีหอพัก 15 หลัง แบ่งเป็นหอพักชาย 8 หลัง หอพักหญิง 7 หลัง เป็นตึกเก่า 9 หลัง ตึกเก่าจะมีห้องนอนครูหอเพียง 1 ห้อง ครู 1 คน ต่อเด็ก 40 คน จึงทำให้ปัญหาที่ครู 1 คน จะดูแลเด็กหอถึง 40 คน ส่วนหอใหม่มี 6 หลัง มีห้องนอนหอครู 2 ห้อง เป็นที่น่าสังเกตุว่าโรงเรียนนี้ไม่มีครูนักจิตวิทยา ครูที่ปรีกษาก็ไม่มี เด็กอยู่ประจำห่างไกลจากพ่อแม่ จำเป็นต้องมีครูนักจิตวิทยาให้การพูดคุยกับเด็กที่มีความเสี่ยง

นางปวีณา ได้สรุปปัญหาสมควรจะได้รับการแก้ไขเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน โดยที่ประชุมเห็นด้วย และพร้อมเสนอผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ โดยนางปวีณาจะติดตามผลการแก้ไขปัญหากับกระทรวงศึกษาธิการและจะติดตามคดีให้ได้รับความเป็นธรรม พร้อมดูแลเด็กให้ได้เข้าเรียนโรงเรียนใหม่โดยเร็ว

ผลสรุปการประชุมที่จะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหารุ่นพี่ทำร้ายรุ่นน้องดังนี้

1.ให้โรงเรียนเพิ่มมาตราการในการดูแลเด็ก โดยเพิ่มจำนวนครูที่ดูแลหอเด็ก หากบุคลากรไม่เพียงพอให้เสนอเพื่อขออัตราครูเพิ่ม

2.จัดให้มีกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียน และบริเวณหอพักเด็ก โดยให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด

3.หอเด็กเล็กควรนำรุ่นพี่ผู้หญิงมาเป็นพี่เลี้ยงแทน

4.ควรมีการตรวจสอบหอพักและนักเรียนให้บ่อยขึ้น และทุกๆ อาทิตย์ควรจะมีการเรียกเด็กเข้ามาพูดคุยทีละคนเพื่อที่จะได้รู้ถึงปัญหาที่แท้จริง

5.โรงเรียนควรจัดให้มีครูด้านจิตวิทยาประจำโรงเรียนให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนเพื่อเข้าพูดคุยกับเด็ก

6.หากพบว่ามีรุ่นพี่ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือมีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด ควรมีบทลงโทษที่ชัดเจน และควรแยกเด็กกลุ่มนี้ออกมาจากหอพักรวม เพื่อเป็นการป้องปราม และไม่ให้มีการมั่วสุมหรือใช้ความรุนแรงกับคนอื่น และจะต้องมีการสอดส่องดูแลเป็นพิเศษ

สืบเนื่องจากวันที่ 6 ก.ค.65 มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคุณแม่ 2 ราย กรณีลูกชายถูกรุ่นพี่ทำร้ายในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจ.จันทบุรีรายที่ 1 นางใหม่ (นามสมมุติ) ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ด.ช.หมี (นามสมมุติ) ลูกชายวัย 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้นป.4 ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี ถูกรุ่นพี่ม.2 ทำร้ายร่างกายเป็นประจำนานเกือบ 2 เดือน เคยถูกชกเข้าที่ท้องอย่างแรงจนตัวงอนอนปวดท้องทั้งคืน หลังเกิดเหตุได้ไปรับลูกออกจากโรงเรียน ตอนนี้ทุกคืนลูกชายยังมีอาการหวาดผวาและร้องไห้ตลอด  ตนไม่อยากได้คำขอโทษแต่ต้องการจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย

นางใหม่ เล่าว่า วันที่ 17 พ.ค.65 ตนได้พาลูกชายเดินทางจาก จ.ชลบุรี ไปส่งที่โรงเรียนประจำจ.จันทบุรี โดยระหว่างที่เด็กอยู่โรงเรียนผู้ปกครองจะต้องติดต่อผ่านครูเท่านั้น กระทั่งวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายยืมโทรศัพท์รุ่นพี่โทรมาหาบอกให้แม่ส่งของกินมาให้หน่อย จากนั้นลูกก็ร้องไห้ ตนจึงถามว่า “มีรุ่นพี่แกล้งหรือเปล่า” แต่ลูกชายไม่ได้ตอบ จากนั้นก็มีเสียงรุ่นพี่ตะโกนแทรกมาว่า “ไม่ได้แกล้งครับ” พอลูกชายเจอแบบนี้ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม และบอกว่าอยากกลับบ้าน

ด้วยความเป็นห่วงตนจึงตัดสินใจเดินทางไปรับลูกทันที เมื่อเห็นสภาพลูกสงสารจับใจเพราะผอมโซ มีรอยฟกช้ำตามตัวและใบหน้า โดยลูกบอกว่ารุ่นพี่ทำ และห้ามฟ้องครู มิฉะนั้นจะโดนหนักกว่าเดิม ตอนนี้ลูกของตนกลับมาอยู่บ้านแล้วแต่กลางคืนก็ยังผวาร้องไห้ตลอด ซึ่งทางโรงเรียนจะให้ผู้ปกครองของเด็กคู่กรณีมาขอโทษแต่ตนรับไม่ได้ และมีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด  รายที่ 2 นางเอ (นามสมมุติ) ผู้ปกครองอีกรายหลังทราบข่าวเด็กถูกรุ่นพี่ทำร้ายได้ร้องทุกข์มาที่มูลนิธิปวีณาฯ เป็นรายที่ 2 แจ้งว่า ลูกชายของตน 2 คน เรียนอยู่ชั้นป.6 และม.1 โรงเรียนเดียวกับที่เป็นข่าว โดยเพิ่งจะเข้าไปเรียนเมื่อเดือนพ.ค. ซึ่งลูกของตนทั้งสองคนก็ถูกรุ่นพี่ทำร้ายเช่นเดียวกัน เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนตนเอาขนมไปให้ลูกที่โรงเรียนเจอแต่ลูกคนเล็ก ส่วนคนโตไปทำกิจกรรม ลูกคนเล็กอยู่ในสภาพผอมลงและดูโทรมมาก ลูกบอกว่า แม่ไม่ต้องเอาขนมมาเยอะเพราะจะถูกแย่งไปหมด ไม่ได้กิน และลูกก็ร้องไห้ ตนจึงถามว่ามีอะไร ถูกคนรังแกใช่มั้ย ลูกก็บอกว่าใช่ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว และลูกยังบอกอีกว่าพี่ชายก็โดนเหมือนกัน พอเห็นข่าวออกไปตนเชื่อว่ายังมีเด้กที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายอีกหลายคนแต่ไม่กล้าบอกใคร ต้องถูกรังแกเจ็บตัวอยู่อย่างทุกข์ทน ที่ตนออกมาร้องขอความเป็นธรรมเพราะอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้จะได้ไม่ต้องมีเด้กถูกกระทำอีก และถ้ารู้ตัวรุ่นพี่ที่กระทำก็ต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย  

ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และหากคุณแม่ทั้ง 2 ราย มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดี นางปวีณาก็จะพาไปดำเนินการตามความประสงค์ โดยเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปตามขั้นตอนการตรวจสอบและเพื่อวางแนวทางแก้ไขป้องกันเหตุในโรงเรียนต่อไป 

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า มูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการติดตามเรื่องให้ได้รับความเป็นธรรมที่สุด เนื่องจากโรงเรียนเปรียบเหมือนบ้านหลังที่ 2 ซึ่งเด็กๆ ควรจะได้รับความปลอดภัยทุกคน