พ.ต.อ.อังคาร อุทัยพันธุ์ ผกก สภ.บ้านไร่ พ.ต.ท.บุญเยี่ยม โพธิ์ศรี รอง ผกก.สส.สภ.บ้านไร่ พร้อม พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ นารถพินิจ สว.สส.สภ.บ้านไร่ ชุดสืบสวน พร้อมชุดสืบสวน สภ.บ้านไร่ ชุดสืบสวน ภาค 6 ชุดสืบสวน ภจ.ว.อุทัยธานี ได้เข้าจับกุม นายธงไชย อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุทัยธานี ต้องหาว่า ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แก่กาย โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ได้นำตัวส่งสภ.บ้านไร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยผู้ต้องหาขอปฎิเสธในการทำแผน กลัวชาวบ้านลงประชาฑัณฑ์
ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งไล่ล่าหาตัวผู้ก่อเหตุ ตามเส้นทางบวกกับกล้องวงจรปิด ได้เห็นชายผู้ต้องสงสัยคล้ายกับในรูปที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสวมเสื้อใส่การเกษตรขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน 1 กช อุทัยธานี 113 ล่าสุดเจ้าหน้าที่จึงได้เบาะแสที่บ้านหลังดังกล่าวจึงได้เข้าจับกุมตามหมายศาลดังกล่าว
จากกรณีเมื่อเวลา 15.00.น.ของวันที่ 16 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวทางเฟสบุ๊ครายหนึ่ง ได้โพสต์เตือนภัยสาธารณะ ชื่อ fair ซึ่งมียอดแชร์ เกือบ 300 แชร์ มีใจความว่า จากเหตุการณ์ที่ให้เราเกือบเอาชีวิตไม่รอด พร้อมเนื้อหาบรรยาย รูปคนร้ายในเฟสบุ๊ค ที่ถ่ายไว้ได้ โดยประชาชนในเขต อ.บ้านไร่ และ อ.ใกล้เคียงให้ความสนใจ และวาดผวากับเหตุการณ์จนมากล้าออกไปไร่คนเดียว
วันที่ 17 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวได้พบเฟสบุ๊ครายหนึ่ง ได้โพสต์เตือนภัยสาธารณะ ชื่อ fair มีใจความว่า จากเหตุการณ์ที่ให้เราเกือบเอาชีวิตไม่รอด พร้อมเนื้อหาบรรยาย รูปคนร้ายในเฟสบุ๊ค ที่ถ่ายไว้ได้แล้วนำมาลงเฟสเตือนภัยกับชาวบ้านทีใช้ถนนเส้นนั้นวอดตำรวจช่วยตามจับคนร้าย โดยเจ้าของเฟส หลังจากเลิกงาน ได้ขับ จยย. กลับบ้านตามเวลาปกติ ใช้เส้นทางเดิมทุกวัน ถนนสายบ้านไร่-หนองตม-ป่าอู โดยปกติวันจันทร์-วันศุกร์ จะมีลูกน้อยวัย 4 ขวบติดรถมาด้วย เพราะต้องรับจากโรงเรียนกลับบ้านตอนเย็น พร้อมกันทุกวัน แต่วันนั้นเป็นวันเสาร์ลูกไม่ได้มาด้วย ในขณะที่ขับ จยย.กลับ บ้านตามเส้นทางปกติ พยายามดูกระจกมองข้างหลังตลอดว่ามีใครขับรถตามมามั้ย เพราะรู้ว่าทางมันค่อนข้างเปลี่ยวข้างทางมีแต่ป่าอ้อย ป่ามัน ที่สูง และแปลงข้าวโพด ซึ่งเหลืออีกประมาณ 3 ก.ม. จะถึงบ้านตา พร้อมแม่กับลูกรออยู่ที่นั้น ระหว่างที่เลี้ยวทางแยก เข้ามาได้ประมาณ 100 เมตร ได้มองกระจกหลังคือเห็นมีรถ จยย. ตามมา 1 คัน ตนเองก็ขับรถ จยย.มาเรื่อย ๆตนเองได้มองกระจกข้างด้านหลัง เห็นรถ จยย.คันที่ตามผิดปกติ เกรงว่าน่าจะเกิดอันตราย จึงตัดสินใจขับหนี จยย.คันดังกล่าว
ขับรถ จยย. มาตีคู่ แล้วให้ตนเองจอด แล้วพยายามกระชากเสื้อ ตนเองพยายามคว้าโทรศัพท์มา โทรหาคนที่บ้านพร้อม กระโดดลงจากรถ ก็วิ่งหนีไม่ทัน จากนั้นคนร้ายได้คว้าโทรศัพท์ออกจากมือไป พร้อมเอามือปิดปากและพยายามดึงสายบัตรพนักงานตนเองปลุกปล้ำ และคนร้ายได้ต่อยท้องน้อย ซึ่งต่อสู้กันได้ประมาณ 5-8 นาที จนตนหมดแรงเพราะมันพยายามเอามือปิดปากและบอกเราว่า ”อย่าร้อง ห้ามร้อง” หายใจไม่ออกจนตัวเราอ่อนแรงลงไปนอนอยู่ที่พื้นดิน ยอมรับว่าวินาทีนั้นเราสิ้นหวังมาก เห็นหน้าแม่ หน้าลูกน้อย ลอยมาทุกวินาที ถ้าไม่มีเราเค้าจะอยู่กันยังไง หลังจากที่ตั้งสติรวบรวมสติที่มีทั้งหมด ฮึ๊บ สู้โดยใช้คำพูด ขอร้องและยกมือไหว้คนร้าย พี่ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริง ๆ หนูต้องการอะไรเราคุยกันดีๆ ได้มั้ยพี่เจ็บไปหมดแล้ว หน้าพี่ถลอก เนื้อตัวก็เจ็บไปหมดพอเเล้วนะ อย่าทำอะไรเลยพี่มีแม่มีลูกต้องดู พี่เป็นหัวหน้าครอบครัวพี่ขอร้องอย่าทำพี่นะ หลังจากนั้นคนร้าย มันนิ่ง และบอกความต้องการคือ ผมต้องการเงิน ผมไม่มีเงิน เราถามว่าไม่มีเงินแล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้ มาทำร้ายพี่ทำไม ผมไม่ได้ตั้งใจผมขอโทษ พร้อมยกมือไหว้เรา ผมพยามยามหางานทำแล้วแต่ไม่มีใครรับผมเข้าทำงาน พี่เจ็บเยอะมั้ยผมขอโทษ ยกมือไหว้เราอีกครั้ง เราพอมีสติ พยายามประครองตัวลุกขึ้นมาพร้อมถามมันไปว่า พี่จะให้เงินใช้มั้ย งั้นพี่ขอโทรศัพท์พี่คืนได้มั้ย พี่ต้องทำงานแล้วพี่จะโทรขอเงินแม่มาให้หนูจะเอาเท่าไร่ มันยื่นโทรศัพท์คืนให้เรา พร้อมเดินหันหลังกลับไปที่รถ เราได้โทรศัพท์คืนพยายาม ติดต่อที่บ้านแต่ก็ไม่มีคนรับสาย เราใช้วินาที ที่มันหันหลังเราแอบถ่ายรูปมันมาไว้ด้วย ด้วยความที่กลัวแต่ต้องคุมสติเราเลยควักเงินที่มีให้กับมันไปตอนเดินมาถึงรถ คนร้ายได้ช่วยเรายก จยย.ขึ้นมา หลังจากนั้นยื่นเงินให้ร้ายมันไป 200บาท มันยกมือไหว้ขอบคุณเรา และรีบบิด จยย. ออกไป
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสภ.บ้านไร่ ได้ไปพบกับแม่ของนางสาวแฟร์ ได้สอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่นาน ยังไม่สามารถ มาให้สัมภาษณ์ได้ โดยแม่ได้เปิดเผยว่า ระหว่างวันเกิดเหตุ ลูกสาวได้พยายามโทรมาหาทางบ้าน และผู้นำชุมชนแต่ไม่มีใครรับสาย ระหว่างที่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย กระทั่งล่าสุดลูกสาวกลับมาบ้านได้ ได้มาเล่าทั้งน้ำตา พร้อมมีสีหน้าตกใจกลัวมาก ว่าถูกคนร้ายขับ จยย.ตามมาดักทำร้าย จนร่างกายมีรอยบอบช้ำ จึงได้เดินทางมาแจ้งความไว้ที่สภ.บ้านไร่
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านป่าอูสามัคคี หมู่ 7 ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยพบกับนายไพทูล ซึ่งเป็นผู้ใหญ่หมู่ 7 บ้านป่าอูสามัคคี ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้พาไปชี้จุดยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนคอนกรีต ติดกับไร่ป่าชายเขา ทีคนร้ายทำร้ายร่างกาย หวังเอาทรัพย์สิน พร้อมกับ เปิดเผย คาดว่า คนร้าย หน้าจะเป็นคนในพื้นที่ ที่รู้จักทางเข้าออกหมู่บ้านเป็นอย่างดี และใช้จังหวะก่อเหตุ เนื่องจากในพื้นที่ของตนเองนี้มียาเสพติดเยอะมาก และราคาถูก เสพติดกันระบาดเยอะ ถึงมีการจี้การปล้น ถึงขั้นบีบคอผู้เฒ่าผู้แก่ก็มีมาแล้ว เพื่อมาซื้อยาบ้าเสพ แต่ก่อนไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ก็อยากจะวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยออกตรวจให้เข้ม ออกตรวจไปพร้อมกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เนื่องจากทนพฤติกรรมของยาเสพติดไม่ไหว จึงทำให้พวกเสพยา สามารถมาก่อเหตุชิงทรัพย์เพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติดดดังกล่าว
ชาวบ้านรายหนึ่งชื่อป้าเตี้ย ซึ่งเป็นน้าของนางผู้เสียหาย ที่นั่งอยู่ละแวกนั้น ได้เล่าวินาทีที่หลานสาวมาบอกวันเกิดเหตุ ว่าได้ต่อสู้กับผู้ร้าย จนหลานสาวต่อสู้ไม่ไหว จนได้อ้อนวอนขอให้ผู้ร้าย ว่าอย่าทำอะไรเลย อยากได้อะไรก็เอาไป หลังจากนั้นหลานสาวก็ให้เงิน 200 บาท ให้ผู้ร้ายไป ผู้ร้ายก็เอาโทรศัพท์มือถือที่แย่งหลานไปก่อนหน้านี้คืนให้ แล้วก็ใช้ผ้าคุมทะเบียนรถ จยย.ผู้ร้าย ขับรถหนีหายไปเลย เวลานี้ชาวบ้านหวาดระแวงอยู่กันอย่างหวาดกลัวกันอย่างมาก บางบ้านก็มีผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง หวั่นได้รับอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้
ภาพ-ข่าว พชร พัสกุล สมาคมสื่อมวลชนอุทัยธานี