ที่ นบ.ยส.35 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปปส.และฝ่ายปกครองเพื่อประเมินสถานการณ์ยาเสพติด โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือด้านจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ตากและจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งที่ผ่านมา นบ.ยส.35 ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงตรวจเยี่ยมและเน้นย้ำการปฏิบัติของหน่วยเพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ
พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กล่าวว่า ข้อมูลด้านการข่าวพบว่าปัจจุบันตามแนวชายแดนมีกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่เพิ่มขึ้นจากแต่เดิม 3 กลุ่มเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มว้า กลุ่มโกก้าง กลุ่มเมืองรา และกลุ่มกองกำลังรัฐฉานเหนือ ที่เริ่มผลิตยาเสพติดเพื่อนำมาพักคอยและอัดเม็ดด้านชายแดน อำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ยาเสพติดยังคงรุนแรง เนื่องจากกลุ่มที่รับงานไว้ หากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมก็ต้องหาวิธีนำยามาทดแทนหรือชดเชย จะเห็นได้ว่ากลุ่มขบวนการมีการลำเลียงเข้ามาด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการคุมเข้ม ป้องปราม ด้านจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงรายอย่างหนัก ทำให้กลุ่มขบวนการเริ่มใช้การลำเลียงผ่านทาง อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กล่าวต่อว่า ในส่วนของด้านแม่น้ำโขง ช่วงนี้ฝนตกหนัก น้ำค่อนข้างแรง ทางนบ.ยส.35 มีการเพ่งเล็งเส้นทางการนำเข้ายาด้าน อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ซึ่งบริเวณดังกล่าวสามารถขนข้ามแม่น้ำโขงได้ ส่วนหนึ่งที่กำลังจับตาอยู่คือพื้นที่รอยต่อระหว่าง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา อำเภอสองแคว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ซึ่งโอกาสที่จะนำยาเสพติดเข้ามาค่อนข้างยาก แต่ด้วยความที่ช่วงนี้แม่น้ำโขงมีน้ำเชี่ยว ประกอบกับการสกัดกั้นด้านจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ค่อนข้างหนัก จึงมีโอกาสที่ยาจะไปทะลักด้านจังหวัดพะเยาและจังหวัดน่าน ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุดพบว่าพื้นที่ชายแดนยังคงมียาที่รอการนำเข้าประมาณ 60 – 70 ล้านเม็ด และเริ่มมียาไอซ์เพิ่มขึ้น หลังจากเงียบหายไปกว่า 5 เดือน
ในส่วนของหมู่บ้านตามแนวชายแดนนั้น นบ.ยส.35 พยายามผลักดันให้มีการจัดตั้งแหล่งข่าวประชาชนแบบลับๆในพื้นที่ชายแดนเพิ่มมากขึ้นภายในปีนี้ เพื่อคอยเฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตาเสริมมาตรการป้องกันให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยทำงานในพื้นที่เป็นสำคัญ ประกอบกับถ้าในหมู่บ้านมีผู้ผ่านการบำบัดและกลับเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แหล่งข่าวประชาชนก็จะคอยติดตาม ตรวจสอบ หากเริ่มมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ปกครองเข้าตรวจสอบ เพื่อเสริมมาตรการการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านชายแดน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66 – ปัจจุบัน หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ สามารถตรวจยึด ยาบ้ารวม 203,593,140 เม็ด, จับกุมผู้ต้องหา 1,570 ราย จากสถิติการจับกุมยาเสพติดเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน พบว่า ปีนี้สามารถยึดยาบ้า เพิ่มขึ้น 4 เท่า