จากกรณีเพจ “Survive-สายไหมต้องรอด” ได้มีการโพสต์ข้อความ #เตือนภัยไข้หวัดสายพันธุ์A #แชร์ให้ถึงคุณหมอ แอดคะ ช่วยชีวิตลูกหนูด้วยค่ะ ลูกหนู อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ลูกหนูไปโรงเรียนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.67 ไปได้แค่ 2 วัน พอวันที่ 7 มิ.ย.67 อยู่ๆก็ป่วยไข้ขึ้นสูงมากแล้วน้องก็หมดสติไปเลยค่ะ ไปถึง รพ.นครปฐม คุณหมอบอกว่าเป็น #ไข้หวัดสายพันธุ์Aชนิดขึ้นสมองเฉียบพลัน น้องนอนอยู่ในห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. จนถึงวันนี้ นอนหมดสติมา 11 วันแล้วยังไม่รุ้สึกตัวเลยค่ะ #คุณหมอบอกให้หนูทำใจ เพราะโรงพยาบาลรักษาเต็มความสามารถแล้ว คุณหมอบอกว่าเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ A แบบนี้ที่มารักษาที่นี่ ยังไม่มีใครได้กลับออกไปเลย หนูฟังแล้วทำใจไม่ได้เลยค่ะ หนูไม่อยากเสียลูกไปค่ะ หนูขอให้ #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยแชร์เรื่องของลูกหนูไปให้ถึง #คุณหมอ หรือ #โรงพยาบาล ที่พอจะมีวิธีช่วยชีวิตลูกหนูได้ หนูขอร้องช่วยชีวิตลูกหนูด้วยนะคะ
ซึ่งวันนี้คณะทีมแพทย์พยาบาลผู้บริหารโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมได้มีการประชุมเร่งด่วนและได้ประสานไปยังนายสมชาย ป้อกลาง และ นางสาวสุนิสา ขำแจ่ม พ่อแม่ของน้องมินนี่วัย 7 ปี พร้อมกับได้มีการหารือสรุปผลการรักษาและพูดคุยกันในเรื่องความเข้าใจผิดในการสื่อสารกัน โดยมี พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้เข้ามาเป็นตัวหาข้อมูลและทำความเข้าใจในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจนเกิดความสบายและความมั่นใจในการรักษา เนื่องจากแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือลูกสาวอย่างเต็มที่ทุกขั้นตอน แต่หัวอกความเป็นพ่อและแม่รู้สึกกังวลใจ จึงต้องการเพิ่มโอกาสทางการรักษาให้ลูกสาว ซึ่งอยากให้ลูกได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ต่อไป
นายแพทย์วีระเดช เฉลิมพลประภา รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครปฐม เปิดเผยว่า หลังพูดคุยกับพ่อแม่เด็กทราบว่ามีความประสงค์จะย้ายน้องมินนี่อายุ 7 ปี ไปรักษายังโรงพยาบาลอื่น ซึ่งทางโรงพยาบาลพร้อมที่จะประสานและทำเรื่องส่งตัวให้อำนวยความสะดวกทุกขั้นตอน แต่พ่อแม่น้องมินนี่ยังให้ความมั่นใจในการรักษาของโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้อง ICU มีแพทย์พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และได้มีการทำความเข้าใจกันตรงกันแล้ว
โดยหลวงพี่น้ำฝน เผยว่า ที่ได้ทราบเรื่องก็มาจากเพจดัง โดยได้มีลูกศิษย์แจ้งมาว่ามีโยมเดือดร้อนและทางอาตมาพิจะมีทางช่วยเหลือการในค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายโรงพยาบาลได้ไหม จึงไปประสานสอบถามข้อมูลจากนายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งได้อธิบายการทำงานของคณะแพทย์จึงได้เข้ามาช่วยหารือกันในกรณีนี้ ซึ่งพบว่าน่าจะเป็นการสื่อสารกันที่คลาดเคลื่อน โดยจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาอาจจะเกิดจากการไม่ได้แจ้งความคืบหน้าให้กับทางญาติทราบก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือดูแล ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะฝากทางทีมงานช่วยกันให้ข้อมูลกับญาติมากขึ้น และยืนยันว่าทีมแพทย์พยาบาล นั้นได้ทำงานช่วยประชาชนเต็มที่แน่นอน โดยยังเป็นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือที่มีความพร้อมอยู่แล้ว
ส่วนที่อาตมาจะมาช่วยคือมากำชับและติดตามการรักษาให้เต็มที่นี่คือที่จะช่วยประสานงานให้ส่วนการจะย้ายโรงพยาบาลก็เป็นเรื่องของทางพ่อแม่เด็ก ซึ่งทางโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ก็พร้อมจะประสานงานต่อให้หากจะย้ายโรงพยาบาล แต่หากจะย้ายไปโรงพยาบาลอื่นนอกระบบหรือเอกชน เกรงว่าค่าใช้จ่ายจะสูงแน่ๆ และทีมแพทย์ที่นี่ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งวัดไผ่ล้อมได้มีการโรงพยาบาลนครปฐม สาขาย่อยไปตั้งอยู่จึงเข้าใจการทำงานของทีมบุคลากรางการแพทย์และความต้องการของชาวบ้านดี” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว ขณะที่ นายสมชาย ป้อกลาง และ นางสาวสุนิสา ขำแจ่ม พ่อแม่ของน้องมินนี่วัย 7 ปี บอกว่าเบื้องต้นอาการลูกสาวที่เข้าเยี่ยมล่าสุด ช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา มีการพูดให้กำลังใจ ซึ่งน้องมินนี่สามารถรับรู้และตอบสนองด้วยการบีบมือแม่ ขยับตัวเล็กน้อย ยกขา และหาว โดยอาการดีขึ้นจากวันแรกที่เข้ารักษาตัว โดยเป็นวันที่ 12 ของการเข้ารักษาตัวและไม่ได้ต่อว่าการทำงานของทีมแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมและยืนยันว่ามีการดูแลเป็นอย่างดีทุกเรื่องไม่ติดใจอะไร แต่การที่จะขอย้ายไปยังโรงพยาบาลศิริราช ก็ยังคงอยากจะไปเพราะอยากให้ลูกสาวได้รับยาที่ดี รับการรักษา เพิ่มโอกาสที่จะช่วยน้องมินนี่ ซึ่งทางโรงพยาบาลนครปฐมก็บอกว่าพร้อมจะประสานหาโรงพยาบาลรัฐที่มีเตียงว่างให้และพร้อมส่งตัวให้ ซึ่งทั้งคู่เป็นพนักงานรายได้ไม่มาก ก็จะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายแต่ก็อยากจะสู้กับลูกสาวให้เข้าฟื้นกลับมาให้ได้ และขอเตือนว่าช่วงนี้ไข้หวัดระบาดหนัก พ่อแม่ ผู้ปกครองควรหมั่นตรวจสอบสุขภาพบุตรหลาน หากพบมีไข้ ซึม ไอ จาม ก็ควรรีบนำไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการให้ละเอียด ในช่วงนี้
ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม