พันตำรวจโทธวัชชัย สุรินต๊ะ  ผ(บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 แม่ฮ่องสอน พร้อมกำลังพลและตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรปางมะผ้า และทหารจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 7 ได้รับรายงานจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาตามเส้นทางลัดเลาะของบ้านไม้ซางหนาม หมู่ที่ 7 ตำบลนาปู่ป้อม อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงได้วางกำลังสกัดตามเส้นทาง ต่อมาก่อนสว่างเพียงเล็กน้อยก็พบรถยนต์กระบะสีดำ ขับมาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดเพื่อขอตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย ก็พบว่าทั้งที่ในห้องโดยสารและที่กระบะหลังมีบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาซ่อนมา 7 คนและไม่มีเอกสารอนุญาตใดๆ ของทางราชการไทย จึงได้นำทั้งหมดไปดำเนินการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรปางมะผ้า

 จากการสอบสวนทราบว่าคนขับรถคือนายกษิทธิ์ วิพุช อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 396 หมู่ 1 ตำบลสบป่อง อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน บง-3069 แม่ฮ่องสอน พร้อมกับโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง ซึ่งนายกษิทธิ์ ยอมรับสารภาพว่าแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้ง 7 คนนั้น ส่วนมากเดินทางมาจากบ้านลางเคอ บ้านปางหลง บ้านจาลองและบ้านเมืองใหญ่ เขตรัฐฉาน สหภาพเมียนมา ซึ่งตนเองรับหน้าที่ขนแรงงานต่างด้าวเพื่อนำไปส่งที่จังหวัดเชียงใหม่และจะมีผู้รับช่วงต่อ เพื่อส่งแรงงานเหล่านี้ไปยังกรุงเทพฯ อีกทอดหนึ่ง โดยแรงงานชุดนี้จะจ่ายค่านำพา 4.5 แสนจ๊าดหรือคิดเป็นเงินไทยราว 4-5 หมื่นบาท ตนเองจะอาศัยการลักลอบขนแรงงานในช่วงเช้ามืด เพราะปลอดการตรวจสอบของจุดตรวจต่างๆ ง่ายกว่าและที่ต้องทำเพราะต้องการนำเงินไปชำระค่างวดรถที่ค้างอยู่หลายงวด ประกอบกับช่วงการแพร่ะรบาดของโควิดไม่มีรายได้อื่น พร้อมกับอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มีชื่อไปพัวพันกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวและหลุดรอดการจับกุมของเจ้าหน้าที่มาหลายครั้ง จนกระทั่งมาถูกจับคาหนังคาเข้าในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันให้การช่วยเหลือ ซ่อนเร้นด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่งตัวดำเนินคดีต่อไป

ภาพ-ข่าว วิรัตน์  นันทะพรพิบูลย์  จ.แม่ฮ่องสอน