ที่ หมู่ 5 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.พล.ท.บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผบ.ศป.บส.ชน.พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ.ธรรมรัตน์ เหรียญทอง ผบ.บก.ควบคุม ปส.นายอนุเทพ ธาระณะ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการชำนาญพิเศษในฐานะผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบทรัพย์สินและบังคับโทษปรับ พ.ต.อ.อดุลย์ สิริสิทธินันท์ ผกก.ตชด.32 ได้ร่วมแถลงข่าว การปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายขบวนการค้ายาเสพติดชายแดนภาคเหนือจำนวน 4 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ เครือข่ายม้งแม่เปา เครือข่ายอาข่าผาขาว และเครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ และ แถลงผลการตรวจยึดของกลางยาบ้าจำนวน 5,690,000 เม็ด และ เคตามีน 10 กิโลกรัม

โดยปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก บช.ปส.ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 3 คน เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมาพร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 7 ล้านเม็ด ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ชัยนาท และ จ.อุทัยธานี สอบสวนทราบว่าขนมาจาก จ.เชียงราย โดยของกลางเป็นขบวนการ “เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ”  พล.ต.อ.รอย และ พล.ต.ท.สรายุทธ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.บรรพต เร่งขยายผลพบว่ามีการขนยาเสพติดจากภาคเหนือเข้าสู่ชั้นในของประเทศมาตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ถูกจับกุมระหว่างขนแล้วมากกว่า 20 ครั้ง รวมของกลางยาบ้าทั้งหมดประมาณ 50 ล้านเม็ด พบเครือข่ายนี้มีการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อส่งเงินไปให้ผู้สั่งการโดยระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค.นี้ มีเงินหมุนเวียนมากกว่า 400 ล้านบาท และผู้สั่งการได้ถอนเงินส่งไปให้กับขบวนการนอกประเทศแล้วและบางส่วนนำมาซื้อทรัพย์สินเป็นบ้าน ที่ดิน ทองคำ รถหรู  และส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้เอง

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติจากศาลอาญาออกหมายจับบุคคลจำนวน 3 คน ได้เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ได้แก่นายสุวิจักขณ์ อายุ 44 ปี ชาว อ.จุน จ.พะเยา ซึ่งพบว่าเจ้าตัวยังมีหมายจับจากศาล จ.แพร่ ศาล จ.ชุมพร ศาล จ.พะเยา และศาลอาญา อยู่แล้วในคดีมียาเสพติด คดียักยอกทรัพย์ รวมถึงคดีร่วมกันมียาเสพติดฯ กระทำการโดยเป็นหัวหน้า ผู้สั่งการ ฟอกเงิน ฯลฯ ส่วนคนที่ 2 คือนายวีรชน อายุ 40 ปี ชาว อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และ น.ส.ศิริพร อายุ 30 ปี ชาว อ.เมืองเชียงราย ทั้งคู่เป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาในคดีร่วมกันมียาเสพติดฯ และกระทำการเป็นหัวหน้า ผู้สั่งการ ฟอกเงิน ฯลฯ เช่นกัน โดยนายสุวิจักขณ์ได้ที่ จ.แพร่ และอีก 2 คนจับกุมได้ที่ จ.เชียงราย

 การปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของเครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ จำนวน 20 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.พะเยา และ จ.ชัยนาท สามารถยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท เป็นเงินสด 100,000 บาท เงินในบัญชีธนาคาร 15,665,700 บาท ทองคำหนัก 22 บาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 8 หลัง ที่ดินเปล่า 2 แปลง รถยนต์ จำนวน 16 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน

โดยในชวงเดือน พ.ค.-ก.ค. บช.ปส.ยังได้ปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือที่เกี่ยวข้องอีก 3 เครือข่าย ได้แก่ “เครือข่ายม้งแม่เปา” โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ค.เจ้าหน้าที่ได้สกัดรถยนต์ขนยาบ้าจำนวน 8,800,000 เม็ด และเคตามีน 50 กิโลกรัม ได้บริเวณ ต.ดงมหาวัน อ.เวียงรุ้ง จ.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ทั้งหมดเป็นชายชาว อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย และ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา และยังขยายผลจับกุมผู้ร่วมขนได้อีก 2 คน เป็นชาว อ.เวียงแก่น และ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย

“เครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ” เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่สวนป่ากิ่วลม อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรจพบฝิ่นดิบจำนวน 48 กิโลกรัม จึงขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ทั้งหมดเป็นชายชาว ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย และ “เครือข่ายผาขาว” เมื่อวันที่ 5 ก.ค.บนถนนพหลโยธินหมู่บ้านสันกอง ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมชาย 1 คน ชาว อ.แม่จัน ที่ขับรถยนต์ขนยาบ้าจำนวน 1,010,000 เม็ด และขยายผลออกหมายจับชายชาว อ.แม่จัน อีก 1 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ยังแถลงคดีตัวอย่างอีก 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 เม.ย.เมื่อตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 (นปส.อุดรธานี) ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาว จ.เพชรบูรณ์ ได้จำนวน 3 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 6 ล้านเม็ด เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากนั้นได้ขยายผลจนพบว่ามีบุคคลในเครือข่ายเดียวกันขนยาเสพติดมาทางพื้นที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย จึงได้สะกดรอยติดตามบนถนน จ.เลย-เพชรบูรณ์ แต่เมื่อวันที่ 28 ก.ค.รถเป้าหมายได้ถูกจอดทิ้งไว้ข้างทาง ต.โคกงาม อ.ด่านซ้าย แล้วคนในรถหลบหนีไปได้ภายในรถพบยาบ้า 5,690,000 เม็ด และเคตามีน 10 กิโลกรัม

เจ้าหน้าทีตำรวจระบุว่าจากการจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางและขยายผลจนนำไปสู่ขบวนการในพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าขบวนกามีความพยายามนำเข้ามาในประเทศไทยในทุกทิศทาง ทำให้ทาง ตร.จะได้หามาตรการในการป้องกันการลักลอบลำเลียงอย่างเข้มข้นต่อไป.

ภาพ-ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย