ร.ต.อ.บรรณ์ลัง  เคนทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางจัก  อำเภอวิเศษชัยชาญ  ได้รับแจ้งเหตุบ้านทรงไทยริมแม่น้ำน้อย  เลขที่ 38  หมู่ที่ 10  ตำบลบางจัก  อำเภอวิเศษชัยชาญ  จังหวัดอ่างทอง  ได้พังถล่มลงมาทับเจ้าของบ้านเสียชีวิตคาที่อยู่ในที่เกิดเหตุ  หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ  พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล  โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ  และเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รุดไปที่เกิดเหตุ  พบบ้านทรงไทยอายุกว่า 100 ปี  ได้พังถล่มล่งมา  โครงลังคาบ้านทรงไทยลงมากับพื้น  และมีเสาบ้านที่เป็นไม้ทับอยู่ที่บริเวณหัว นาง ลิ้นจิ่  โพธิ์ทอง อายุ 88 ปี เจ้าของบ้าน  นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่คาที่นอน  มีข้าวของกระจัดกระจาย  โดยมีชาวบ้านช่วยกันเก็บกระเบื้องหลังคาบ้าน  ที่หล่นลงมากับพื้นออก  พบที่นอนหมอนมุ้ง ข้าวของ ยาหม่อง และรูปภาพ กระจายไปทั่วพื้นบ้าน

จากการสอบถาม นางสาวเอมอร  ปิ่นวิเศษ  ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่ 10  เล่าให้ฟังว่า  เมื่อเช้ามืดได้มีพระออกมาบิณฑบาต  พบเห็นความผิดปกติของบ้านยายลิ้นจี่  จึงได้ประสานไปยังผู้นำท้องถิ่นให้เข้ามาตรวจสอบ  จึงพบว่ามีบ้านพังเสียหายและพบศพยายลิ้นจี่เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ  คาดว่าผลพวงจากพายุฝนกระหน่ำเมื่อคืนที่ผ่านมา  ส่งผลทำให้ได้รับความเสียหายและเกิดหลังคาพังถล่มลงมา  ทางด้าน นางสาวภนิดา  พลายตานี อายุ 25 ปี  หลานสะใภ้  เล่าให้ฟังว่า  ยายลิ้นจี่  พิการหูไม่ได้ยิน  แต่ร่างกายแข็งแรงหุงข้าวปลาอาหารได้  อยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุเพียงลำคนเดียว  เมื่อเช้ามีชาวบ้านได้บอกว่าบ้านพัง  จึงเข้ามาดูพบว่าเสาบ้านทับยายเสียชีวิตแล้ว

ส่วนทางด้าน นาย กลม  พวงลำเจียก อายุ 85 ปี  น้องชาย  เล่าให้ฟังว่า  นางลิ้นจี่พี่สาว  อยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว  ซึ่งบ้านนั้นมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี  ตั้งแต่รุ่นแม่รุ่นก๋งของตนเอง  และตนเองก็จะมาหาพี่สาวแทบทุกวัน  โดยจะนำข้าวปลาอาหารมาให้รับประทานและพูดคุยกัน  ซึ่งร่างกายพี่สาวนั้นแข็งแรงดี  แต่หูไม่ได้ยิน  ที่บ้านพังถล่มลงมาคงเกิดจากความเก่าแก่ของบ้านที่ผุพังตามกาลเวลา  และมีหลังคาเป็นกระเบื้องสมัยโบราณที่หนักและมีฝนฟ้าตกลงมาอย่างหนัก  อาจเป็นสาเหตุให้บ้านพังเสียหาย

จากการสอบถาม นาย พินิจ  ศรีโสภา  หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  จังหวัดอ่างทอง  เล่าให้ฟังว่า  หลังจากได้ประสานจากเจ้าหน้าที่ก็เข้าตรวจสอบ  พบว่าบ้านพังถล่มลงมาและมีเสาบ้านเป็นไม้ขนาดใหญ่  ทับบริเวณระหว่างคอและศรีษะของยายลิ้นจี่  คาดว่าเป็นความเก่าแก่ของบ้านที่ผุพังทำให้พังถล่มลงมา  ซึ่งทางญาติ ๆ  ไม่ติดใจถึงสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต  จึงได้นำร่างไปประกอบพิธีตามประเพณีของทางศาสนาที่วัดไทรยึด ต่อไป

ภาพ-ข่าว กนกศักดิ์  แสงตระการ / อ่างทอง