ชาวนาในจังหวัดอ่างทอง  วอนรัฐบาลเร่งช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาราคาต้นทุนในการเพาะปลูกข้าว  ทั้งราคาน้ำมัน  ปุ๋ย  ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทะลุ 1,600 บาท  ปุ๋ยมูลสัตว์ขยับขึ้น 15 บาท  แถมขายข้าวที่ทำการเก็บเกี่ยวให้กับโรงสีในพื้นที่ราคาตก  ได้เพียงเกวียนละ 6,000 บาท  ขาดทุนไปกว่าแสนบาท  หลังเข้าสู่ฤดูของการทำนาอีกครั้ง  ครวญเกิดมาเป็นชาวนาก็ต้องทำนา  หันไปเพาะปลูกอย่างอื่นตามที่ทางการแนะนำ  ก็ขายไม่ได้ราคาเหมือนกัน  แถมหันไปใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้ผลสู้ปุ๋ยเคมีไม่ได้  แถมจ่อขยับขึ้นราคาตาม  จำต้องเป็นหนี้กู้เงินมาทำนาตามวีถีชีวิตกันต่อไป

จากการสอบถาม นาง ชลอ  จันทร์ประดับ อายุ 66 ปี  ชาวนาทุ่งราชสถิตย์  เปิดเผยว่า ตนเองคิดน้อยใจว่าชาวนาจะลำบากแค่ไหน  เนื่องจากข้าวของมีราคาแพงขึ้นทุกอย่าง  ตนเองมีอาชีพทำนาก็ต้องทำนา  จะไปทำอาชีพอย่างอื่นก็ไม่ได้  ตนเองทำนา จำนวน 50 ไร่  ต้องขาดทุนไปแล้วกว่าแสนบาท  เนื่องจากต้นทุนขึ้นทุกอย่าง  ไม่เครียดจนต้องฆ่าตัวตายก็บุญแล้ว  อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาปุ๋ยแพง  ลดราคาน้ำมัน  และช่วยขยับราคาข้าวให้สูงขึ้น  เพราะชาวนาคงแบกภาระไม่ไหว   

ด้าน นาย สุทัศน์  สุนทรนันท์ อายุ 50 ปี ชาวนาทุ่งเทวราช  กล่าวว่า  ชาวนาน่าจะตาย  เพราะราคาปุ๋ยขึ้นราคาถึง 3 เท่าตัว  ชาวนาน่าจะอยู่ไม่ได้  แต่ก็ต้องทนทำนาถึงแม้ว่าจะขาดทุนไปแล้วกว่าแสนบาท  ตนเองอยากให้รัฐบาลช่วยเร่งแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ย และราคาน้ำมันอย่างเร่งด่วน  เพื่อให้ชาวนาที่ลงทุนทำนานั้นอยู่รอด    

 ทางด้าน นาย สมหมาย  แป้นพงษ์ อายุ 64 ปี ชาวนาทุ่งราชสถิตย์  เล่าให้ฟังว่า  ราคาข้าวที่ขายและราคาปุ๋ยที่ปรับขึ้นมีความไม่สมดุลกัน  อยากให้รัฐบาลลงมาดูแล  ส่วนตนเองทำนาและเลี้ยงเป็ดเป็นอาชีพเสริม  ราคาอาหารเป็ดก็ปรับตัวสูงขึ้น  กิโลกรัมละ 19 บาท  กระสอบราคาตกอยู่ประมาณ 500 บาท  ส่วนที่รัฐบาลส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์  ตนเองเห็นว่าได้ผลช้าและผลผลิตไม่ดี  เมื่อเทียบเท่ากับปุ๋ยเคมี  ซึ่งมันเป็นคนละยุคคนละสมัยกันแล้ว   

 ส่วนทางด้าน นาย ทรงยศ  มะกรูดทอง สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดอ่างทอง  กล่าวว่า  ราคาข้าว กข ราคาตกต่ำเหลือแค่ 6,000 บาท  ตนเองอยากฝากทางรัฐบาล  กระทรวงเกษตร  และกระทรวงพาณิชย์  เรียกทางโรงสีมาประชุมกำหนดราคาข้าว  และทางรัฐบาลอยากให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปเพาะปลูกพืชชนิดอื่น  ตนเองเห็นว่าทุ่งราชสถิตย์  ทุ่งเทวราช  และทุ่งย่านซื่อบางส่วน  เกษตรกรชาวนายังไม่ได้ปฏิรูปที่  จะให้หันไปปลูกอ้อย  ปลูกถั่ว  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้  ชาวนาถึงเป็นหนี้ก็ต้องทำนา  จะปล่อยให้ที่นารกร้างว่างเปล่าก็ไม่ได้  ส่วนครอบครัวชาวนาก็มีค่าใช้จ่าย  มีลูกหลานไปโรงเรียน  ชาวนาส่วนใหญ่ปรับสภาพการกินอยู่ให้น้อยลง  แต่ปรับไม่ทันสถานะการณ์  และราคาปุ๋ยมูลสัตว์ก็ปรับตัวสูงขึ้นตามอีกด้วย

https://youtu.be/2cyvQvMX2hU

ภาพ-ข่าว กนกศักดิ์ / อ่างทอง