นายแดน อายุ 41ปี พร้อมภรรยานางชูชื่น อายุ 43ปี พร้อมด้วยนายศรัญญู หรืออาร์ต บุตรชาย เดินทางเข้าแจ้งความกับ พฺ.ต.ท. สังวาล งอกศิลป์ สารวัตรเวร สภ.หนองฉาง จ อุทัยธานี ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ที่ถูกรุ่นลูกมาท้าทายสืบเนื่องจากลูกนายศรัญญู  หรืออาร์ต  ได้กล่าวว่าเมื่อประมาณปีใหม่นั้นตนเองได้รู้จักกับ นายนัฐ หรือเบิร์ด อายุ  35ปี   หลังจากนั้น ได้มีคนมาว่าจ้างให้นายนัฐ หรือเบิร์ด มาเหมางานก่อสร้าง  แต่นายนัฐ หรือเบิร์ด นั้นไม่มีเครื่องมือทำ  จึงหันมายืมเงินตนเอง โดยให้นำสร้อยคอไปจำนำไว้ก่อนจำนวนเงิน 20,000 บาท เพื่อไปซื้อเครื่องก่อสร้างมาทำโดยบอก และนายนัฐ หรือเบิร์ด ก็บอกว่าพอขายเหล็กได้ก็จะไปไถ่ทองมาคืนให้  ตนเองเห็นคบกับตนเป็นเพื่อนมาตลอดจึงไว้ใจ หลังจากนั้นในวันที 5 ก.พ.65นายนัฐ หรือเบิร์ด ได้มาหาตนเอง ก็ได้พากันมาทีร้านทองแห่งหนึ่ง ในตลาดหนองฉาง  โดยจำนำครั้งแรกจำนวน 20,000บาท  ซึ่งทางร้านทองได้จดชื่อตนเองทั้ง 2 คนไว้ ชื่อแรกคือนายนัฐ หรือเบิร์ด ส่วนคนที่สองชื่อตนนายศรัญญู หรืออาร์ต  หลังจากจำนำทองเสร็จ นายนายนัฐ หรือเบิร์ดได้นำเงินสองหมื่นบาทไป พร้อมกับตั๋วจำนำไปด้วย  

หลังจากนั้นตนเองก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย และก็ไม่ทราบว่านายนัฐ หรือเบิร์ดไปทีร้านทอง  ไปเอาเงินมาเพิ่มมาอีก15,000 บาท ในวันที 12 ก.พ.65  และมาวันที  22 ก.พ.65 ไปขายขาด รวมเป็นเงิน 42,000 บาท จากพ่อกับแม่ในวันนี้ ดังกล่าว  ด้านนายแคน ซึ่งเป็นพ่อของนายศรัญญ กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ว่าตนเองมีอาซีพรับเหมาก่อสร้าง อยู่ จ.ปทุมธานี  โดยมีลูกชาย 1 คน และหญิง 1 คน โดยพักอาศัยอยูกับ ตา ยาย ทีบ้านเขาหินเทิน อุทัยธานี ส่วนตนเองพร้อมภรรยาได้ประกอบอาชีพอยู่ที จ.ประทุม หลังจากพอได้เงินมา ก็จะให้ครอบครัว และส่วนทีเหลือจะซื้อทองให้กับลูกชาย และลูกสาว เท่าๆ กัน ส่วนของนายศรัญญ  นั้นตนเองก็ซื้อทองให้ 6 สลึง เช่นกันประกอบกับ นายศรัญญ หรืออาร์ต  เมื่อกลางปีที่แล้ว ได้มีการแต่งงาน  ตนเองจึงซื้อ สร้อยคอเป็นสินสอดไปด้วย พร้อมกับได้ซื้อเพิ่มเติมอีก 1 บาทให้ลูกสะใภ้

หลังจากนั้นตนเองได้วันที่  25 ทีผ่านมา  ตนเองพร้อมภรรยา ได้กลับมาบ้าน เพื่อมาปลูกบ้านให้กับแม่ยาย และได้สังเกตทีคอลูกชายว่าสร้อยคอทองคำที พ่อกับแม่ซื้อให้หายไปไหน จากนั้นก็เรียกมาพูดคุยสอบถาม  ซึ่งครั้งแรก ๆ ลูกชายไม่ยอมรับ จนตนเอง กับภรรยช่วยกันเคร่น  จนลูกชายบอกว่าถูกเพื่อนขอยืมไปจำนำเป็นเงิน 20,000บาท ก่อนเดียวเข้าจะไปถ่ายคืนให้ภายหลัง ตนเองเห็นว่านานและผิดสังเกตุ จากนั้นตนก็ขอเบอร์โทรศัพท์จากลูกชาย ก็โทรศัพท์ไปถามสอบนายนัฐ หรือเบิร์ด  ทันที่พร้อมขอตั๋วจำ เพื่อจะจะถ่ายคืนเอง แต่นายนัฐ หรือเบิร์ด พูดจ๋าบายเบี่ยงให้นายศรัญญ หรืออาร์ต มาเอาบัตรประชาชนตนเองไปถ่ายเองที่ร้านทอง โดยอ้างว่าตนเองนั้นไม่ว่าง หลังจากนั้นจึงให้ลูกชายไปเอาบัตรประชาชนของนายนัฐ หรือเบิร์ด มาตนเองพร้อมภรรยาจึงรีบมายังร้านทองในตลาดหนองฉาง

พอมาถึงได้พูดคุยกับเจ้าของร้านทอง จนทราบว่านายนัฐ หรือเบิร์ด นั้นมาที่ร้านทองถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 วันที่ 5 ก.พ 65 กับลูกชาย จำนำสร้อยคอทองคำนำหนัก 6 สลึง ไปจำนวน 20,000บาท โดยเอาตั๋วจำนำไปด้วย หลังจากนั้นในวันที่ 12 ก.พ.65 นายนัฐ หรือเบิร์ด ได้มาคนเดียวที่ร้านทอง โดยได้ขอเงินเพิ่มจากทางร้านทองไปอีกจำนวนเงิน 15,000 บาท  และหลังจากนั้นวันที่ 22 ก.พ.65 นายนัฐ หรือเบิร์ด ได้มาที่ร้านทองคนเดียวอีก แต่เที่ยวนี้มาขายสร้อยคอทองคำของขายทองไปแล้ว ครั้ง 2ได้มาทีร้านคนเดียว และได้เพิ่มเงิน และครั้งที่ 3 นายนัฐ หรือเบิร์ด ได้มาทีร้านทองคนเดียวอีกโดยได้ขายสร้อยคอทองคำยกเส้นของนายศรัญญ หรืออาร์ต เป็นรวมยอดทั้งหมด 42,000บาท

หลังจากทีตนเองทราบเรื่องราวจากร้านทองแล้ว จึงโทรศัพท์ไปสอบนายนัฐ หรือเบิร์ด เรื่องสร้อยคอทองคำของนายศรัญญ หรืออาร์ต ลูกชายตนเอง ที่นายนัฐ หรือเบิร์ด จะเอาอย่างไรดี แต่ตนเองกับได้รับคำตอบแบบ อารมณ์ฉุนเฉียว และก็อ้างว่าไม่มีเวลาที่จะคุยด้วย พร้อมกับท้าทายตนเอง ให้ไปแจ้งความได้เลยกับตำรวจ โรงพักไหน  ตนเองไม่กลัวอยูแล้ว  หลังจากตนทราบแบบนั้น แลบะคิดว่าลูกชายตนเองถถูกนายนายนัฐ หรือเบิร์ด หลอกแน่  ตนเองพร้อมภรรนาจึงรีบกลับไปทีบ้านพัก แล้วพาลูชายเข้าแจ้งความตามคำท้าทายของนายนัฐ หรือเบิร์ด ที สภ.หนองฉางดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

https://youtu.be/CdDuXUPX5JA

ภาพ-ข่าว นายพชร พัสกุล   สมาคมสื่อมวลชนอุทัยธานี