ความคืบหน้ากรณี สภ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี รับแจ้งจากจากเจ้าหน้าที่เขตหน่วยอนุรักษ์ป่าไซเบอร์ หมู่ 1 ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ว่ามีชาวกะเหรี่ยง 3 ราย ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอนุรักษ์ป่าไซเบอร์ ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม จนเกิดการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนอีก 2 ราย โดนยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เข้าไปในป่า ลึกถึง 10 กิโลเมตร พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกยิงที่ขา เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่ง รพ. ส่วนอีกคนได้หลบหนีหายออกไปจากป่า อยู่ระหว่างติดตามตัว พร้อมกับพบของกลางปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมปืนลูกกรดไทยประดิษฐ์.22  2 กระบอก ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยคตได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมฝ่ายปกครอง อ.ห้วยคต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยคต แพทย์เวร รพ.ห้วยคต กู้ภัยอุทัยธานี หลายจุด ร่วมกันนำร่างผู้เสียชีวิตลงมาจากในเขตป่าลึก พร้อมหาร่องรอยในที่เกิดเหตุ ขณะที่จากการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิต พบรอยยิงที่ด้านหลัง 1 นัด

ล่าสุดนายบาส อายุ 20 ปี ซึ่งรู้จักกับชาวกะเหรี่ยงทั้ง 3 คน เปิดเผยว่า 1 ใน 3 ชาวกะเหรี่ยง ชื่อนายกิติพันธ์ อายุ 24 ปี ได้แชทมาบอกคนที่บ้านว่าถูกเจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าในเขตป่าอำเภอห้วยคต ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขาทั้ง 2 ข้าง ขณะที่ได้หลบซ่อนตัวหนีอยู่ในป่า เป็นคนในพื้นที่ ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต ทั้งนี้ ตนรู้จักกับชาวกะเหรี่ยงทั้ง 3 คน เป็นคนที่ตนเองรู้จัก คนที่ 1 ชื่อนายเปิ้ก อายุ 25 ปี ที่บาดเจ็บจากการโดนยิงที่ขา 2 ข้าง ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่แชทมาบอกทางญาติว่าถูกเจ้าหน้าที่ยิง ส่วนอีกคนที่ 2 ชื่อแชะ อายุ 24 ปี ได้หลบหนีเจ้าหน้าที่หายออกไปจากป่า ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต ส่วนคนที่ 3 ชื่อเป็นพลทหารศรัณย์  ผู้เสียชีวิต หลังจากเพิ่งลางานมาพักผ่อนที่บ้านได้เพียงไม่นาน ได้เข้าไปเขตป่าที่ห้วยคตพร้อมพวกจนเกิดเหตุดังกล่าว

ส่วนนายกิติพันธ์ ที่ถูกยิงที่ขา อ้างว่าตนเอง พร้อมผู้ตายและพวกอีก 1 คน ได้เข้าไปในป่าพร้อมมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แต่ยังไม่ทราบที่มาของปืน พร้อมกับได้นั่งกินข้าวกับพวก ระหว่างนั้นได้มีชุดเจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่ามาพอดี ตนพร้อมพวกตกใจจึงได้ลุกวิ่งหนีไปคนละทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขาตนทั้ง 2 ข้าง ตนจึงหลบไปซ่อนตัวอยู่ในป่าก่อน ส่วนอีก 1 คน ก็ถูกยิง แต่ไม่ทราบว่าถูกยิงตรงจุดไหน ส่วนอีกคนไม่ทราบว่าถูกยิงหรือไม่ เพราะพวกตนหนีไปกันคนละทาง จนมาทราบว่ามีผู้เสียชีวิต ทั้ง ๆที่ตนเองบอกเจ้าหน้าที่ว่ายอมๆแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยิงมา จนตนได้รับบาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิต ซี่งก่อนหน้านั้นนายกิติพันธ์ ผู้เบาดเจ็บ เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในคดีล่าสัตว์ป่ามาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 61 และได้มาถูกจับกุมอีก ครั้ง

ส่วนมารดาของผู้ตาย อายุ 49 ปี เปิดเผยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่เขตป่าไม่จับลูกดีๆ ทำไมต้องยิงกันถึงตาย ตัวแม่เองอยากถามเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุไหมด้านนายเพิ่มศักดิ์ กนิษฐชาติ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เปิดเผยว่า สถานที่ดังกล่าวได้มีการลักลอบล่าสัตว์ป่าอยู่หลายครั้ง พร้อมกับได้มีสายข่าวจากชาวบ้านว่าจะมีคนเข้ามาลักลอบล่าสัตว์ป่า จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจเข้าไปปฏิบัติลาดตระเวนตามหน้าที่ทั่วไปตามที่ได้ข่าวมา กระทั่งเวลา 10.00 น.วันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ชุดลาดตระเวนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัด เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนจึงได้ย้อนกลับมาตรวจสอบ พร้อมกับแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เป็นชุดซุ่มเดินเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ระหว่างเดินเข้าไปได้ยินเสียงคนคุยกันโดยไม่ใช้ภาษาไทย เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปใกล้กับจุดนั้นให้ได้มากที่สุด

หลังจากนั้นเมื่อช่วงเช้าผู้สื่อข่าว ได้เดินไปยังบ้านของผู้ตายพลทหารศรัณย์ สังกัดกองพันทหารขนส่ง ที่23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ ผลัดที 1 ซึ่งจะมีกำหนดปลดประจำการในเดินเมษายน 66 ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายสมนึก โอสถ พ่อ นางมึ่ง องค์พระ ผู้เป็นแม่ ของผู้ตาย พร้อมกับชาวบ้านได้มาช่วยกันเตรียมงานศพ ของผู้ตายทำกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้นำศพของผู้ตายไปผ่าพิศูจน์ ที่จังหวัดนครสวรรค์ ตามระเบียบ ก่อนที่จะส่งมอบให้ญาติ ๆ ไปประกอบพิธีทางศาสนา หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยนายสมนึก  พ่อ นางมึ่ง องค์พระ ผู้เป็นแม่ ของผู้ตาย และญาติ ๆ ของผู้ตาย  โดยทุกคนบอกว่าเจ้าหน้าที่ นั้นทำเกินกว่าเหตุ ที่ผู้ตายนั้นยอมแล้ว อย่างไรก็ตามตำรวจจะสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

ภาพ-ข่าว พัชร พัสกุล ผู้สื่อข่าวสมาคมสื่อมวลชนอุทัยธานี