นายเอกสิทธิ์  รันตสุวรรณ  ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าอำนาจเจริญ  เปิดใจว่าการลักลอบตัดไม้กระยางนากว่า1,000ต้นตลอดเวลา1ปีแจ้งความร้องทุกข์ร่วม120วันยังไม่มีความคืบหน้าหลายหน่วยงานยังไม่สามารถสรุปการสืบสวนสอบสวนได้และมีผู้ใหญ่ในจังหวัดกล่าวอ้างว่าเป็นคดีไปแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ชาวบ้านสงสัยว่าการที่กำนันถูกร้องเรียนทำไมไม่มีการสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ทั้งที่มีข่าวว่ามีคนโทรร้อง สส.ในพื้นที่ถึงการถูกข่มขู่ชาวบ้านบางส่วนไม่รู้สึกไม่ปลอดภัย

วันนี้ความคืบหน้ายังเดินหน้าช้าๆของเจ้าหน้าที่ในส่วนของอำเภอและจังหวัดชาวบ้านต่างวิจารว่าเ จ้าที่ในพื้นที่ถูกชาวบ้านร้องเรียนยังคงทำคดีเองชาวบ้านไม่เชื่อว่าจะเกิดความ ยุติธรรมกับชาวบ้านจึงอยากให้หน่วยงานส่วนกลางมาทำคดีนี้ เพราะไม้ที่ถูกลักลอบตัดหลายจุดตามลำห้วยในพื้นที่แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังไม่ตรวจสอบ ชาวบ้านในพื้นที่ได้พูดกันว่าอาจมีมวยล้มต้มประชาชน อย่างแน่นนอนความคืบหน้าเรื่องมีคนโทรข่มขู่นายอำเภอก็ยังไม่มีการตรวจสอบ ท่านผู้ว่าฯจะเกษียณในอีกไม่กี่วันชาวบ้านอยากให้ท่านผู้ว่าฯช่วยร้องขอให้หน่วยงานส่วนกลางลงมาคลี่คลายคดีนี้ เพราะมีนักการเมืองระดับประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องโยงใยให้เกิดความวุ่นวาย ชาวบ้านไม่ต้องการเห็นเรื่องนี้เรื่องของทรัพยากรธรรมชาติเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ชาวบ้านขอย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญช่วยจัดการเรื่องนี้โดยด่วน

จากการร้องเรียนไปยังสภาและกรรมาธิการปปช. ท่านเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้เชิญผู้ร้องเรียนเข้าพบกรรมาธิการเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมชาวบ้านบางส่วนมองว่ามันเป็นความเสียหายเสียชื่อเสียงทั้งที่คดีไม่มีความยุ่งยากคนกระทำผิดหลักฐานชัดเจนแต่ผู้ลักผู้ใหญ่ในจังหวัดไม่ใส่ใจในการคลี่คลายคดีจนเป็นข่าวทำให้จังหวัดเสียหายชาวบ้านยังยืนยันจะให้ตรวจสอบไม้ที่หายไปทั้งหมดเพราะที่ผ่านมาถ้าไม่มีการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ขยับแม้แต่ที่ร้องเรียนไปเจ้าหน้าที่ก็ยังทำคดีเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรชาวบ้านผิดหวังในขบวนการตรวจสอบภายในจังหวัดชาวบ้านเคยร้องเรียนเรื่องเจ้าหน้าลักลอบตัดไม้ลักษณะแบบนี้เมื่อปี57ชาวบ้านได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคดีไม่เคลียเพราะมีการจับแพะเลยทำให้คนกลุ่มเดิมกลับมาทำผิดอีกรอบ เรื่องนี้มีพยานทั้งในและนอกเรือนจำว่ามีการรับจ้างรับโทษและติดคุกแทนชาวบ้านขอเรียกร้องให้ผู้ว่าฯช่วยจัดการเรื่องนี้เพื่อกอบกู้หน้าตาของขบวนการยุติธรรมในจังหวัดและเป็นเกียรติให้กับท่านผู้ว่าฯก่อนจะเกษียณ

ล่าสุดตนได้รับหนังสือหลังจากการที่ตนและชาวบ้านได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงท่านเสรีพิสูทธิ์  เตมีเวชเมื่อวันที่16 มิถุนายน 2565และในวันที่15 กรกฎาคม 2565 ตนก็ได้รับหนังสือเชิญให้เข้าพบกรรมาธิการปปช. และท่านเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในวันที่27 กรกฎาคม 2565ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและขอความเป็นธรรมให้กับสังคมตนจะเดินหน้าอย่างเติมที่เพราะมีผู้หลักผู้ใหญ่อย่างเช่นท่านเสรีพิสุทธิ์ฯเข้ามาให้การช่วยเหลือเพื่อหาความยุทธติธรรมให้กับชาวบ้านและสังคมไทยต่อไปโดยตนจะไม่เกรงกลัวกลุ่มผู้มีอิทธิพลใดๆทั่งสิ้นตนเกิดมาชาติเดียวตายก็ตายหนเดียวจะไม่ให้ใครมารังแก่ชาวบ้านและตนได้อย่างแน่นนอนและตนจะเดินหน้าหาความจริงออกมาหทดเปลือกตีแพร่ให้สังคมรับทราบให้ถึงที่สุดว่าขบวนการกินบ้านกินเมืองมันจะลอยนวลอยู่ไม่ได้บ้านเมืองมือเรามีเขื่อมีแปรมีกฎหมายคุมครองทุกคนต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมายบ้านเมืองไม่มีใครจะอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองไปได้หรอก

ทางด้านนางสมหญิง  บัวบุตร  ส.ส.อำนาจเจริญ เขต1พรรคเพื่อไทยในฐานะเลขานุการกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนในสถานะส.สในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญคนหนึ่ง จากกรณีการที่เป็นข่าวในเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าของกลุ่มนายทุนและเจ้าหน้าของรัฐ ที่อำเภอเสนางคนิคม  จังหวัดอำนาจเจริญนั้น ล่าสุดตนได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านประมาณ 3-4 คนว่า มีกลุ่มนายทุนและกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่ไม่เป็นอันหลับอันนอนต่างก็หวาดผวาเนื่องจากไปให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางฝ่ายปกครอง ฝากถึงท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทางอำเภอหรือทางผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญให้ลงพื้นที่ดูแลคุ้มครองให้ความอบอุ่นความเป็นธรรมกับประชาชนด้วยและสืบหาต้นตอผู้บุกรุกทำลายต้นไม้ซึ่งเป็นต้นยางนาขนาดใหญ่อยู่ตามห้วยสาธารณะกว่า1,000ต้นครั้งนี้ให้สำเร็จด้วย และหาต้นตอสาเหตุการที่มาตัดต้นไม้ดังกล่าวด้วยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังในการมาโค่นต้นยางนาขนาดใหญ่อายุร่วม 200-300 ปีเช่นนี้จึงทำให้ประชาชนต่างก็เสียขวัญไปตามๆกันในพื้นที่อำเภอเสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญและตามที่ทราบข่าวว่ามีการโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ตามริมห้วยสาธารณะซึ่งมันทำไม่ได้อยู่แล้ว ตนและทีมงานพรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภา ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนช่วยกันระดมค้นหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏด้วยว่าไม้จำนวนเป็นพันๆต้นมันหายไปไหนทำไมไม่มีใครทราบใครเห็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันหมดหรือไร เรื่องนี้มันมีนอกมีในหรือมีใครชี้นำวางแผนการอยู่เบื้องหลังขุดคุ้ยหาความจริงออกมาให้ปรากฏและให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านตาดำๆด้วยเพราะชาวบ้านตาดำๆจากการที่ได้สอบถาม ได้ความว่า  การขายไม้ยางนาในะื้นที่ของตนนั้นมีคนมาชี้แนะโดยอ้างว่าเขาปลดล็อคแล้วจำหน่ายได้ไม่มีความผิดไม่ว่าจะอยู่ตามที่วาธารณะข้าวตลองสาธารณก็ตาม ชาวบ้านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็จำเป็นต้องขายเลยตามเลยและบางรายขายต้นยางตามห้วยสาธารณะไปถึง 21 ต้นตกลงนายทุนจะจ่ายให้ 60,000 บาทแต่ได้รับเงินเพียง 28,000 บาทและก็เงียบหายไปจนไม่ได้เงินครบจำนวนส่วนที่เหลือเท่าทุกวันนี้ มันเป็นกระบวนการ ที่แย่มากๆต้มตุ๋นแม้กระทั่งชาวบ้าน ที่มีจิตใจบริสุทธิ์อีกด้วยตนขอให้ผู้เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านและกระชากหน้ากากของผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ บ้านเมืองมีกฎหมายทุกคนอยู่ภายใต้ของกฎหมายบ้านเมืองทั้งนั้น//

ประดิษฐิ์  อุดมศรี -ภาพ ทิพกร  หวานอ่อน-ข่าว จ.อำนาจเจริญ  รายงาน