จากกรณี มีผู้เสียหายทั้งใน จ.สกลนคร และกระจายอยู่ทั่วประเทศ จำนวนมากเข้าแจ้งความบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.สกลนคร ทื่ชักชวนให้นำเงินมาลงทุนทำฟาร์มเห็ดและเกษตรอื่นๆ ให้ผลตอบแทนสูงจนเกิดเป็นกระแสข่าวฉาวไปทั่วปนะเทศ โดยผู้บริหารบริษัทได้นำคนมีชื่อเสียงมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อแล้วมาลงทุนให้มาก ตามข่าวที่เสนอ

ความคืบหน้าของเรื่องนี้  นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสกลนคร ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวและสรุปกล่าวถึงในกรณี บริษัทดังกล่าว มีการจดแจ้งรับซื้อ – ขายเห็ดประเภทต่างๆ จากการสอบสวนผู้เสียหายเมื่อวานนี้ (28กค.)  พบทั้งหมดมี 23 ราย  โดยมีลักษณะโฆษณาชวนเชื่อให้นำเงินมาลงทุนในสินค้าทางการเกษตร มีการนำบุคคลอื่นมาอ้างอิง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือภายหลังจากโอนเงินไปแล้ว มีการปันผลจริงในเบื้องต้น ต่อมากลับผิดนัดสัญญาโดยแหล่งข่าวอ้างว่าทางบริษัทบัญชีถูกอายัดจ่ายเงินไม่ได้ จนเกิดความเสียหายในพื้นที่ จ.สกลนครและใกล้เคียงเหยื่อจึงมาร้องทุกข์ ที่ สภ.เมืองสกลนคร รวมมูลค่าความเสียหานประมาณ 15 ล้านบาท

พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร กล่าวว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในจังหวัดอื่นๆ โดยภาพรวมมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 500 ล้านบาท  จึงอยากแนะนำให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนเข้าร้องทุกข์กับตำรวจในท้องที่นั้นๆ จนท.ตำรวจก็จะรวบรวมเรื่องและหลักฐานไว้ ประกอบกันเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของบริษัทดังกล่าวได้เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น หากไม่มีเจตนาตามที่มาร้องทุกข์ก็ขอให้ติดต่อเข้ามาชี้แจง

ทั้งนี้ นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผวจ.สกลนคร ยังฝากเตือนประชาชนในการทำธุรกิจใดๆ ขอให้ตรวจสอบที่มาที่ไปแหล่งการลงทุนอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเรื่องนี้ ผวจ.สกลนคร ให้ความสำคัญอย่างเต็มที่และติดตามความคืบหน้าการดำเนินการอย่างใกล้ชิดหากเข้าข่ายผิดกฎหมาย ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่เพื่อตรวจสอบบริษัทนี้โดยละเอียด ล่าสุด ที่โรงเพาะฟาร์มเห็ดที่เป็นข่าว พบมีการเคลื่อนไหวกลุ่มคนลักษณะคล้ายกับขนย้ายสิ่งของอะไรบ้างอย่างออกจากโรงเรือนเพาะเห็ดหลังเกิดกระแสข่าวขึ้น โดยมีรถกระบะและสิบล้อเป็นยานพาหนะ ภายในเต็มไปถุงสีขาวคาดว่าอาจเป็นหัวเชื้อเห็ด มีรายงานเชิงลึกจากแหล่งข่าว นอกจากต้นตอรายใหญ่ที่หลบหนีออกไปต่างประเทศตามกระแสข่าวไปแล้วนั้น ยังพบว่าหญิงสาวรายหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ได้เคลื่อนไหวออกจากพื้นที่ จ.สกลนคร ไปแล้ว พร้อมกับนำเงินจำนวนมากติดตัวไปด้วย ระบุมีการทำลายเอกสารที่อาจเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องทิ้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม มีผู้ส่งคลิปตัวแทนสมาชิก เข้าสอบถามความคืบหน้าของเงินปันผล แต่ไม่มีผู้ใดให้ความกระจ่างและไม่สามารถติดต่อผู้บริหารได้ แม้แต่หน่วยงานภาครัฐจะติดต่อแล้วก็ตาม ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป

ภาพ-ข่าว วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร