ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้  พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมือง โดยผิดกฏหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.บัญฑิต  ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร , พล.ต.ต.พิเชษฐ จิระนันตสิน และ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.วริศร์สิริ ลีละสิริ ผบก.ทท.2, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.ทรงกริช  ออนตะไคร้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ ปฏิบัติราชการ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมแถลงข่าว กรณีการบุกจับกุม  ทลายขบวนการหลอกลงทุนออนไลน์  จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน(HYBRID SCAM) 24 คน กลางรีสอร์ทหรูในพื้นที่ สภ.ฝาง จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางจำนวน 6 รายการ ดังนี้คือ

1.เครื่องคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค จำนวน 10 เครื่อง ,หน้าจอคอมพิวเตอร์ จำนวน 20 เครื่อง ,ซีพียูคอมพิวเตอร์ จำนวน 10 เครื่อง ,โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน จำนวน 244 เครื่อง ,ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 อัน ,แฟรชไดร์ฟ จำนวน 2 อัน นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ดำเนินคดีโดยกล่าวหา “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเป็นซ่องโจร เพื่อร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยทุจริต หรือโดย หลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในส่วนผู้ต้องหาชาวจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด”

ทั้งนี้พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้มีการกวาดล้างขบวนการคนร้ายต่างชาติในพื้นที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ค. 2565 เป็นต้นมา ซึ่งทาง ตำรวจภูธรภาค 5 และชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สืบสวนหาข่าว จนพบพฤติการณ์คนไทยและคนต่างชาติ มีการรวมตัวเช่าที่พักโดยมีพฤติกรรมที่เป็นพิรุธผิดปกติ จึงได้นำหมายค้นศาลจังหวัดฝาง นำทีมชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจค้น โรงแรม BK Resort and BK Coffee เลขที่ 351 ม.7 ต.แม่สูน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

ผลการตรวจค้น พบคนไทยและต่างชาติ จำนวน 24 คน เป็นชาย 22 คน และหญิง 2 คน โดย ทั้งหมดนี้ เป็นคนสัญชาติจีน 20 คน นอกนั้นเป็นคนท้องถิ่นในพื้นที่ 4 คน ทุกคนกำลังทำงานผ่านเครื่อง คอมพิวเตอร์ และ โทรศัพท์มือถือ โดยใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต โดยพบว่ามีการสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมใน  แอพลิเคชั่นหาคู่ต่างๆ และแอพลิเคชั่นไลน์ เป็นชื่อที่สมมติขึ้นมาเองและใช้ภาพโปรไฟล์หญิงสาวสวยที่หามา จากช่องทางออนไลน์ เพื่อสนทนาหลอกลวงเหยื่อ ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น จากนั้นได้มีการ สนทนาหว่านล้อม เพื่อหลอกให้เหยื่อตกหลุมรักหรือไว้วางใจ แล้วจะวางกลอุบายให้เหยื่อร่วมลงทุนโดยให้เปิด บัญชีในแอพลิเคชั่น metatrader เพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอกเอาเงินมาลงทุน โดยมีทีมที่สร้างข้อมูลบน แพลตฟอร์มที่สร้างปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการเทรดเงินได้จริง เมื่อผู้เสียหายหลงโอน เงินลงทุน ก็ตัดขาดการติดต่อ สูญเงินฟรี ผู้ต้องหารับสารภาพว่า พวกตนจะได้ค่าตอบแทนจากการทำงาน

ดังกล่าวจำนวน 25,000 – 35,000 บาท ต่อเดือน และได้มีการเช่าเหมาพักอาศัยในรีสอร์ทที่เกิดเหตุ โดยจะมา รวมตัวกันทำงานที่อาคารออฟฟิศด้านหลังที่พักดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และ เวลา 12.00 – 17.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเป็นซ่องโจร เพื่อร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยทุจริต หรือโดย หลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในส่วนผู้ต้องหาชาวจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด”

โดย พล.ต.อ.วิสนุฯ กล่าวว่า ได้กำชับให้ ศปชก.ภ.5 และ ภ.จว.เชียงใหม่ เร่งขยายผลให้ถึงกลุ่ม นายทุน เพื่อดำเนินการจับกุมแบบขุดรากถอนโคนต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 20 คน ได้สั่งการ ให้ตรวจสอบการเข้าออกราชอาณาจักร และการขอวีซ่าของกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน เพื่อตรวจสอบเส้นทางความ เชื่อมโยงของผู้ต้องหาและเครือข่ายขบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการทางกฏหมายต่อไป

 พล.ต.อ.วิสนุฯ  ยังได้เปิดเผยอีกว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จว.เชียงใหม่ เชียงราย เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการแฝงตัวของ คนร้ายข้ามชาติ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ จะจัดเสวนาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้าน คนร้ายข้ามชาติในพื้นที่ ภ.5 และ เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ส่วนกลาง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าว และสร้างความ เข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการ ป้องกันปราบปรามทันรองรับการเปิดประเทศของรัฐบาลต่อไป

ภาพ-ข่าว นิวัตร  ธาตุอินจันทร์ /เชียงใหม่ รายงาน