พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ส.ต.ต.อัสราวุฒิ ราป้อม ผบ.หมู่ (ป) สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ได้รับบาดเจ็บจากปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้และได้สอบถามถึงกรณีดังกล่าว ได้ความว่า โดยปกติ ชุด สายตรวจ หรือชุดจู่โจม จะทำหน้าที่ในการออกตรวจในเขตเทศบาลเป็นหลัก และจะมีภารกิจเสริมคือการออกไปส่งหมายเรียกพยาน หรือ ผู้ต้องหาให้กับ พนักงานสอบสวน ซึ่งบางครั้งก็จะออกไปนอกเขตเทศบาล และในการจะออกไปทุกครั้ง ก็จะมีการประสานกับทาง กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน หรือ กองกำลังในพื้นที่ เพื่อให้นำทาง หรือพาไปยังบ้านพยานที่ปรากฏในหมาย อย่างน้อยก็จะมีฝ่ายปกครอง ที่อยู่ในพื้นที่ ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในเส้นทาง หรือในพื้นที่ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกัน และรถยนต์ที่ใช้ ก็จะเป็นรถยนต์สายตรวจที่ใช้ในเขตเทศบาล หรือรถ 2 – 0 ออกไปทำงานเลย ส่วนรถหุัมเกราะสายตรวจที่มีใช้อยู่นั้น ก็เป็นรถหุ้มเกราะที่มีอายุการใช้งานมานาน สภาพไม่ได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์  หากนำออกไปใช้ในเส้นทางที่สูงชัน หรือทางไกล อาจไม่ปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จึงไม่ได้นำออกไปใช้งานบ่อย เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและเป็นภารกิจ ที่จำเป็นต้องใช้ก็จะนำไปใช้งานกัน ส่วนเรื่องน้ำมันรถที่ใช้กันอยู่นั้น ก็จะมีผู้กองหัวหน้าชุดเป็นคนเบิกมาเพื่อเติมให้กับรถยนต์สายตรวจที่ใช้กันเป็นประจำ และรถยนต์สายตรวจ ก็จะใช้กันเป็นรถส่วนกลาง บางครั้งก็มีการขอยืมรถยนต์ที่ รอง ผกก.ป.ใช้ มาใช้ออกตรวจ และ รอง ผกก.ป. ก็จะวางกุญแจ ไว้ที่ส่วนกลางงาน ป. ซึ่งบางครั้งสายตรวจที่เข้าเวรผลัดก่อนใช้รถเสร็จ ก็ไม่ได้เติมน้ำมันไว้ให้ หากมีภารกิจเยอะ น้ำมันก็อาจจะเหลือน้อยสำหรับผลัดต่อไป ก็จะต้องมีการเบิกน้ำมันไปเติมก่อนนำไปใช้งาน ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด กรณีสภาวะน้ำมันที่แพงขึ้นในปัจจุบัน บางครั้งก็จะมีการปรับวิธีการทำงาน เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ ตรวจในเขตตรวจ สลับกับรถยนต์สายตรวจ เป็นต้นส่วนรถหุ้มเกราะที่เป็นรถของสายตรวจหรืองาน ป. นั้น ก็นานๆ ใช้กัน (เพราะสภาพรถไม่สมบูรณ์ อายุการใช้งานมาก) จึงไม่ค่อยได้มีการตรวจว่า รถมีน้ำมันพร้อมใช้งานหรือไม่  ไม่ใช่การไม่มีงบประมาณไปเติมรถเกราะแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ ยังได้มีการสอบถาม พ.ต.ท.สถาพร  เหล่ามูล รอง ผกก.สส.สภ.บันนังสตา ทำให้ทราบว่า พ.ต.อ.สายูตี กาเต๊ะ ผกก.สภ.บันนังสตา ได้เคยมีการเรียกประชุม รอง ผกก.หัวหน้า งานทุกสายงานร่วมกัน กรณีการจัดสรรน้ำมันให้แต่ละฝ่ายไปใช้ในการทำงาน โดยได้ให้แต่ละสายงานแจ้งจำนวนรถที่มีอยู่และใช้งานกันว่ามีกี่คัน แต่ละสัปดาห์ต้องการใช้น้ำมันในการปฏิบัติภารกิจ ปริมาณเท่าใด ก็จะจัดสรรให้ตามที่มีการร้องขอ หากมีภารกิจแทรกจากภารกิจปกติมากขึ้นในระหว่างห้วงสัปดาห์หรือในเดือนนั้นๆ และต้องใช้น้ำมันมากขึ้น ก็สามารถขอเพิ่มจาก ผกก.สภ.บันนังสตา ได้ ไม่ได้มีปัญหาติดขัดในเรื่องน้ำมันในการทำงานกันแต่อย่างใด

จึงอยากชี้แจงให้ทุกฝ่ายได้รับทราบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากเรื่องรถเกราะไม่มีน้ำมัน จึงต้องใช้รถสายตรวจในแบบไปทำงานแทนแต่อย่างใด และจะเห็นได้จากเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้น ฝ่ายที่เข้าไปช่วยเหลือในทันที ก็ใช้รถเกราะวีว่า คันใหญ่ เข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือได้ในทันที และยังมีฝ่ายสืบสวนจัดกำลังเข้าไปสนับสนุนได้อย่างรวดเร็ว และใช้รถยนต์ของทางราชการไปเช่นกัน หากมีปัญหาเรื่องน้ำมัน ก็คงไม่สามารถเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือได้ทันท่วงทีตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จากการสอบถาม ส.ต.ต.อัสราวุฒิฯ​ ยังได้ความอีกว่า ก่อนเข้าไปยังหมู่บ้านเป้าหมายในเส้นทางดังกล่าวในครั้งนี้ ก็ได้มีความพยายามประสานกับกำนัน ในพื้นที่ เหมือนกับการปฏิบัติในทุกครั้งเพื่อความไม่ประมาท แต่เนื่องจากกำนันไม่อยู่ในพื้นที่มีภารกิจ และเห็นว่า ระยะทางไม่ไกลมาก เข้าไปไม่นาน แล้วถอนตัวกลับ ก็น่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ฝ่ายคนร้ายที่จ้องอยู่ ก็เห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงสามารถก่อเหตุในครั้งนี้ได้จึงนำมาซึ่งความสูญเสียที่ทุกฝ่ายก็ไม่อยากให้เกิดแต่อย่างใด และในส่วนของรถหุ้มเกราะ นั้น ผู้บังคับบัญชา ทุกระดับ ทั้งใน ภ.จว.ยะลา, ตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เล็งเห็นถึงปัญหาความขาดแคลนรถหุัมเกราะ ได้เสนอขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ 2566 เพิ่มเติมไปอีกส่วนหนึ่งแล้ว อยู่ระหว่างรอการพิจารณาฯ คาดว่า น่าจะได้รับการพิจารณาในปีงบประมาณนี้ต่อไป

ภาพ-ข่าว อะหมัด รามันห์สิริวงศ์/ยะลา