ทนายฌิชารีย์ พูนศรี โพสต์เล่าเรื่องราวของลูกความ ให้ฟ้องเรียกค่าสินค้าจากลูกหนี้เป็นค่าสินค้า 2,266 บาท โดยลูกหนี้ซื้อของแบบติดเครดิต เอาของไปขาย ไปกินจะหมดแล้ว ถึงสิ้นเดือนไม่จ่ายไม่โอน ผลัดจนกลายเป็นแหนม ผลัดมาเกือบปี เจ้าหนี้ทนไม่ไหวให้ทนายยื่นฟ้อง ค่าจ้างทนาย 8,000 บาท ก็ยอมขึ้นศาลนัดแรก 27 กุมภาพันธ์ 2566 ลูกหนี้ขอผ่อนเดือนละ 500 บาท แต่เจ้าหนี้ไม่ยอม ให้เวลาแค่ 5 วัน แล้วลูกหนี้ก็เริ่มทยอยผ่อน ตั้งแต่วันที่ 1-5 มีนาคม ครั้งละ 200 / 230 / 200 / 233 /และ 1,400 บาท จนครบกำหนด 5 วัน เจ้าหนี้ได้ยอดครบ 2,266 บาท จบคดี สำหรับลูกหนี้บางคน มองว่า เงินน้อย โจทย์ไม่ฟ้องหรอก ไม่คุ้มค่าทนาย คิดผิดนะ

หลังโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีคนมาแชร์และแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกว่า ดูทรงเจ้าหนี้ไม่อยากได้เงิน แต่อยากดัดนิสัยลูกหนี้มากกว่า ขอแชร์เพื่อให้ลูกหนี้คนอื่นได้เห็นโพสต์นี้บ้าง น่าจะฟ้องเรียกเงินคืนแล้วรวมค่าทนายไปด้วยเลย

 เจ้าหนี้รายนี้ เล่าว่า ตนเป็นแม่ค้าออนไลน์ ลูกหนี้เป็นลูกค้าที่มาติดต่อซื้อของที่ร้าน ซึ่งก็ค้าขายกันมาปีกว่าแล้วจนไว้ใจ ให้ซื้อสินค้าแบบติดเครดิตไว้ได้ เอาสินค้าไปก่อน แล้วค่อยจ่ายเงินตอนสิ้นเดือน ยอดสินค้า 5,000 กว่าบาท กระทั่งถึงวันครบกำหนดจ่ายในวันที่ 5 เมษายน เขาจ่ายมาแต่ไม่ครบจำนวน แบ่งจ่ายมาแล้วขอผลัดไปอีกเดือน ตนก็ไม่ว่าอะไร ถัดไปอีกเดือนก็จ่ายไม่ครบแล้วขอผลัดอีก ตนก็ยอม แต่ได้คุยกันว่า เดือนถัดไปขอจ่ายเต็มจำนวน เขารับปาก แต่สุดท้ายก็ยังจ่ายไม่ครบอีก จากนั้นเขาก็ไม่ติดต่อมาอีก มีแต่ฝ่ายเราที่ทักแชทไปหา เขาก็ตอบแต่ว่า เดี๋ยวสิ้นเดือนดูให้ ผลัดไปเรื่อยๆ หนักสุดช่วงเดือนตุลาคม ที่เขาเมินเฉย ไม่ยอมอ่านแชท

 สุดท้ายเจ้าหนี้ตัดสินใจไปโพสต์ที่หน้าเฟซบุ๊กเขา บอกว่า “อ่านข้อความหน่อยนะคะ” เขาถึงส่งข้อความมาหาทางแชท ว่า “อยากได้เงินก็เงียบๆๆ หน่อยนะ..ขอบล็อกนะ สิ้นปีโอนให้” จึงพิมพ์ตอบกลับไปว่า “นั้นขอฟ้องหน่อยนะคะ” ทำให้ตนรู้สึกเสียความรู้สึกมาก เราไม่เคยไปก่อกวน แค่บอกให้อ่านข้อความ แถมเขายังบอกว่า อยากได้ให้ไปฟ้องเอา จึงตัดสินใจปรึกษาทนาย ทนายแนะนำให้ส่งหนังสือทวง และไกล่เกลี่ยโดยส่งไป 2 รอบ เขาติดต่อกลับมาด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจมา ว่า ไปเจอกันที่ศาล จึงตัดสินใจฟ้อง มีหลายคนถามว่า ส่วนค่าจ้างทนายคุ้มกับที่ฟ้องไหม ตนเห็นว่าคุ้ม เพราะทนายตั้งใจทำคดีมาก และอยากให้เป็นตัวอย่าง ไม่อยากให้เขาไปทำกับใครแบบนี้อีก ไม่อยากให้มีใครมาโดนเหมือนตน

ภาพ-ข่าว ปัญญา ปากช่อง