เงินกว่าสิบล้านที่พบในกุฏีหลวงพ่อเย็นยังวุ่นไม่หยุด ทั้งการปล่อยข่าวมีการเข้าไปขโมยก่อนหน้าและยักย้ายถ่ายเท รวมถึงปล่อยข่าวว่าน่าจะมีเงินมากกว่า 40 ล้าน บาท ขณะที่รักษาการเจ้าอาวาสไม่เชื่อว่าจะมีมากขนาดนั้น แต่ก็ยินดีให้พิสูจน์ เช่นเดียวกับ ผญบ.ที่ปฏิเสธและพร้อมให้ตรวจสอบ

กรณีภายหลังหลวงเย็น หรือพระครูสีตะจิตธรรมคุณ อดีต เจ้าอาวาสวัดป่าทรงธรรม ต.ท่าตูม  อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มรณภาพและทางคณะกรรมการได้เข้าจรวจสอบทรัพย์สินภายในกุฏีหลวงพ่อ พบว่ามีเงินสด ใส่ถุงและวางไว้ตามที่ต่างๆในห้องมากกว่า สิบล้านบาท จนเป็นกระแสว่า จำนวนเงินดังกล่าวน่าจะมากกว่านั้น บางคนบอกว่าน่าจะถึง 40 บ้านบาท ทั้งที่ข้อเท็จจริงการตรวจสอบวันแรก พบเงินสด จำนวน 10.661.150 บาท และทางคณะกรรมการที่มทีนาย ณัฐคม  โตภัทรกุล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 เป็นประธานได้นำไปฝากธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั้น พระครูโสภณธรรมวินิจ รักษาการเจ้าอาวาสเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบเงินแค่ 10.661.150 บาท ซึ่งทางคณะกรรมการได้นำไปฝากธนาคารแล้ว ส่วนที่มีคนบอกวว่า น่าจะมีเงินมากถึง 40 ล้านนั้น ไม่น่าเป็นใไปได้เพราะจากการตรวจสอบเมื่อวานได้เงินมาอีกเพียง 7 หมื่นกว่าบาทข้าวของที่พบในวันนี้กับเมื่อวานส่วนใหญ่เป็นสังฆทานซึ่งก็เสียหายใช้ไม่ได้ส่วน ส่วนเรื่องการดำเนินการนั้น ทางพระผู้ใหญ่จะส่งวเจ้าหน้าที่มาดูแลช่วยเหลือ สำหรับเงินที่พบตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะเอาไปทำอะไร

  ขณะที่นายณัฐคม  โตภัทรกุล ผญบ.หมู่ 1 ต.ท่าตูม เปิดเผยว่า เรื่องที้มีการพูดกันว่ามีเงินมากถึง 40 ล้านบาท บางคนยังบอกด้วยว่า มีการเข้าไปงัดแงะเพื่อขโมยทรัพย์สินเงินทอง เรื่องนี้ไม่น่าเป้นไปได้เพราะวีนแรกที่เขจ้าไป มีทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ รวมทั้งพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ทั้งนี้รวมถึงผู้ที่ รักษาการเจ้าอาวาสแต่งตั้งเข้าไปตรวจสอบ ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้โดยพละการส่วนเรื่องเงินที่หลายคนคิดสว่าน้าจะเป็นของใครนั้นส่สนตัวน่าจะเป็นของวัด ในขณะที่มีคนพยายามปั่นกระแสเกิดความวุ่นวาย ในส่วนตัวเอวงนั้น ยืนยีนถึงความบริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้  ซึ่งในขณะนี้เก็พบว่ามีเงินได้มาเพิ่มจากตู้บริจาคเพียง 7 หมื่นเศษ  ส่วนเรื่องการนำเงินออกไปใช้นั้นทั้งนี้อยู่ท่านรักษาการเจ้าอาวาสกับคณะกรรมการวัดจะเป็นผู้พิจารณาดำเนินการ

ส่วนเรื่องจำนวนเงินดังกล่าวที่หลายคนกังวลว่าจะตกเป็นของใครเพราะทาง หลวงพ่อเย็นท่านยังมีพี่น้องร่วมบิดามารดา อีก 5 คน และหลานๆ ที่ทุกคนอาจมีสิทธิ์ได้ในทรัพย์สินในฐานะทายาทนั้น  ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นางสาววารินทร์  สิกขชาติ ผอ.สำนักงานะระพุทธศาสนา จังหวัดปราจีนบุรี ทางโทรศัพท์ ซึ่งได้เปิดเผยเรื่องทายาทที่จะได้รับทรัพย์สินของหลวงพ่อเย็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ปราจีนบุรี ( ธรรมยุต) ที่จะดำเนินการเอง ทาง สำนักพุทธ ฯ ไม่ได้เข้าไปก้าวล่วง แต่ให้ข้อสังเกตว่า หากพระภิกษุมรณภาพในขณะที่ยังวดำรงสัมณเพศ ทรัพย์สินที่พบต้องตกเป็นของวัดแต่ถ้าหากพระภิกทรัพย์สินที่พบต้องตกเป็นของวัดแต่ถ้าหากพระภิกษุได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ใครบุคคลผู้นั้นจึงจะมีสิทธิ์รับ กรณีของหลวงพ่อเย็นนั้น ทรัพย์อื่นๆรวมทั้งเงินสดที่พบต้องตกเป็นของวัดเท่านั้น

ภาพ-ข่าว เด็กปราจีน