ที่ห้องประชุมศรีเกียรติพัฒน์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงานประชุมมอบนโยบายตามโครงการความปลอดภัยทางถนน “สงขลาเมืองต้นแบบ” พัฒนากลไกจัดการความปลอดภัยทางถนนจากจังหวัดสู่อำเภอและตำบล โดยมี  นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา ท้องถิ่นจังหวัด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนส่วนราชการ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานประชุมมอบนโยบายฯ ในครั้งนี้ด้วย

จังหวัดสงขลา เป็นจังหวัดใหญ่ของภาคใต้ และมีศักยภาพในด้านต่าง ๆ อย่างสูง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางถนนยังเป็นอุปสรรคส่วนหนึ่ง และยังคงมีสถิติค่อนข้างสูง จังหวัดสงขลาโดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกระดับ โดยอาศัยกลไกการขับเคลื่อนภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. 2554 เพื่อสร้างการสัญจรปลอดภัยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกกลุ่ม โดยมีเป้าหมายลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนลงร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2570 หรือ 12 คนต่อแสนประชากร มีการจัดทำแผนการปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดสงขลา ขับเคลื่อนผ่านกลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลจากระบบบูรณาการข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดสงขลา (ข้อมูล 3 ฐาน) ในปี 2564 พบว่าจังหวัดสงขลา มีผู้บาดเจ็บ (admit) จำนวน 3,001 คน ผู้เสียชีวิต จำนวน 284 คน คิดเป็น 19.88 คนต่อแสนประชากร สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่และการไม่มีวินัยจราจร และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด

นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนพัฒนายุทธศาสตร์และแผนความปลอดภัยทางถนน ทั้งระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น โดยใช้กลไกของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด เชื่อมโยงการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างรอบด้าน ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์และสภาพปัญหา พร้อมบังคับใช้กฎหมาย ด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างเข้มข้น การสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนน และรณรงค์ประชาสัมพันธ์การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ โดยใช้กลไกศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ศปถ.อปท.) ในการจัดทำแผนปฏิบัติการ แผนงานโครงการและแผนงบประมาณในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอำเภอ และจังหวัด และนำไปบรรจุในแผนพัฒนาท้องถิ่นได้ สำหรับโครงการ “สงขลาเมืองต้นแบบ” พัฒนากลไกจัดการความปลอดภัยทางถนนจากจังหวัดสู่อำเภอ ตำบล และท้องถิ่น ได้จัดทำขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ ความตระหนัก ด้านความความปลอดภัยทางถนนของในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลักดันและกระตุ้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงการจัดการความรู้ ถอดบทเรียน เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบาย/โครงการ/แผนงานของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนระดับท้องถิ่นต่อไป

นายนิพนธ์ กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาที่สำคัญที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นอย่างมาก ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกในปี 2559 พบสถิติคนไทยเสียชีวิตบนท้องถนน กว่า 22,400 ราย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับสงคราม หรือเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 6,000 กว่าราย แต่อุบัติเหตุการเสียชีวิตบนท้องถนนแค่ปีเดียวกลับมียอดสูงถึง 20,000 กว่าราย ฉะนั้น ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนจึงถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย จากข้อมูล 3 ฐาน ในปี 2564 อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จำนวน 13,00 กว่าราย ส่วนอุบัติเหตุสะสมของประเทศไทย ปี 2565 มีผู้เสียชีวิตสะสม 3,467 ราย ผู้บาดเจ็บสะสม 205,343 ราย สำหรับข้อมูลรับแจ้งอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2565 มีผู้เสียชีวิต 42 ราย บาดเจ็บ 2,084 ราย สาเหตุการเสียชีวิตมาจากการขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นหลัก ส่วนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลกขณะนี้ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น องค์การสหประชาชาติจึงให้เป้าหมายด้านความปลอดภัยทางถนนเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ภายในปี พ.ศ.2573 โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน ลงร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2573 ดังนั้น การรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางถนน จึงเป็นวาระมีความสำคัญระดับโลก รายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนนขององค์การอนามัยโลก มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อแสนประชากรในประเทศไทยปี พ.ศ. 2561 ยังอยู่ในระดับสูงถึง 32.70 (มากกว่า 22,000 คนต่อปี) ทั้งนี้ทั้งนั้น สถิติตั้งแต่ปี 2561 -2564 อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุก็มีแนวโน้มลดลง 1,000 กว่าราย/ปี จากความพยายามในการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง แต่แม้ว่าจะมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องปัญหาอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนของประเทศไทย ก็ยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2564 รัฐบาล โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำหนดประเด็นเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในระดับพื้นที่ โดยใช้กลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อบูรณาการการขับเคลื่อนการดำเนินงานและให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพหลักในการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่  เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างแท้จริง

ในส่วนของบังคับใช้กฎหมายตนอยากให้มีการประชุมถกเถียงข้อมูลกันเป็นประจำทุกเดือน ในพื้นที่ควรการตั้งด่าน จุดตรวจต่างๆ  การแก้ไขวินัยจราจร ควรเริ่มตั้งแต่จุดเล็กๆ ตั้งแต่ครอบ โรงเรียนควรปลูกฝังเด็กเล็กตั้งแต่เด็กที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็ก มาจนถึงระดับท้องที่ ท้องถิ่น สู่ระดับประเทศต่อไป สร้างด่านครอบครัว ด่านชุมชน ด่านโรงเรียน ให้ความรู้เรื่องวินัยจราจร เพื่อลดอุบัติเหตุทางท้องถนนให้ได้มากที่สุดทุกทางที่จะดำเนินการได้ ตนมองว่าท้องถิ่นเป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานดังกล่าว โดยควรบรรจุเรื่องนี้ไว้ในแผนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อจัดตั้งงบประมาณไว้สำหรับการบริหารจัดการตามแผนงาน/โครงการต่อไป

สำหรับการประชุมในวันนี้นอกจากจะได้ติดตามและรับทราบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่แล้วนั้น ยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ปัจจัยสู่ความสำเร็จ และข้อเสนอแนะต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพของพื้นที่ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับอำเภอและท้องถิ่นบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดกลไกเชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนท้องถิ่น (ศปถ.อปท.) ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อสร้าง “ตำบลขับขี่ปลอดภัย 100%” ได้ต่อไป

นายนิพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย ชวนท้องถิ่นร่วมทำบุญช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ลดการเสียชีวิตบนท้องถนน  ขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการบูรณาการการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ จะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างแท้จริง และการแก้ปัญหาดังกล่าวจะเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป

ภาพ-ข่าว นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา